ออสเตรเลียเตรียมลดข้อจำกัดในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หลังคุมเข้มปิดประเทศมานานกว่า 18 เดือน

วานนี้ (1 ตุลาคม) สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เผยว่า ทางการออสเตรเลียเตรียมปรับแผนลดข้อจำกัดในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หลังคุมเข้มปิดประเทศมานานกว่า 18 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิดภายในประเทศ คาดว่าแผนการดังกล่าวจะเริ่มปรับใช้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

ในช่วงเวลานี้ผู้คนสามารถเดินทางออกนอกประเทศออสเตรเลียได้แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้จำกัดไว้ให้เฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นในการเดินทางเท่านั้น เช่น การเดินทางไปทำงานต่างประเทศ หรือการเดินทางไปพบญาติที่อาจกำลังอยู่ในภาวะโคม่าหรือใกล้เสียชีวิต ขณะที่การเดินทางเข้าประเทศยังถูกจำกัดให้กับพลเมืองและบุคคลที่ได้รับการยกเว้น ส่งผลให้มีผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าออสเตรเลียตกค้างอยู่ในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

มอร์ริสันเผยว่า ทางการได้เตรียมปรับแผนให้ชาวออสเตรเลียได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้ง ให้พวกเขาสามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศได้มากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะขยายไปถึงโอกาสรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาเยือนออสเตรเลียอีกครั้ง

ผู้นำออสเตรเลียยังระบุอีกว่า ทางการออสเตรเลียยังมีมาตรการให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศจำเป็นต้องกักตัวภายในโรงแรม 14 วัน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณคนละ 3,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 73,500 บาท) โดยจำนวนวันกักตัวจะปรับลดลงเหลือเพียง 7 วันสำหรับผู้ที่เป็นชาวออสเตรเลียหรือเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรในออสเตรเลียที่เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่ผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนจำเป็นต้องกักตัวในโรงแรม 14 วัน โดยสายการบิน Qantas ของออสเตรเลีย เริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินในเส้นทางสำคัญต่างๆ โดยจะเริ่มขายบัตรตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคมนี้

ขณะนี้เมืองใหญ่ๆ อย่างซิดนีย์ เมลเบิร์น และแคนเบอร์รา ต่างกำลังอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ ซึ่งคาดว่าซิดนีย์ เมืองที่มีท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ จะคลายล็อกดาวน์ 13 สัปดาห์ ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้

จากการรายงานล่าสุดของ Johns Hopkins University & Medicine ระบุว่า ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อสะสม 109,516 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,321 ราย เดินหน้าฉีดวัคซีนไปแล้ว 28,419,347 ล้านโดส ขณะที่พลเมือง 44.17% ของจำนวนพลเมืองทั้งหมด เข้ารับวัคซีนครบโดสแล้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง: