และแล้วช่วงสิ้นปีก็เดินทางมาถึงกันอีกแล้ว และสำหรับชาวออฟฟิศอย่างเราๆ ก็ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความน่ายินดี และน่ากังวลใช่ไหมล่ะคะ นั่นก็เพราะแต่ละปีที่ผ่านเลยไป เราจะได้ใช้เป็นโอกาสในการบอกกับตัวเองว่าจะเริ่มต้นทำอะไรเพื่อให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้นกัน #วนไปค่ะ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายนะคะ เพราะใครๆ เขาก็เอาความตั้งใจที่เคยพูดไว้มา Reuse ใหม่
เคยคิดไหมคะว่าทำไมเราจึงทำบางเรื่องได้ไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า หรืออาจจะเพราะเราไม่ตั้งใจจริง… ดิฉันหมายถึงไม่ตั้งใจในการกำหนดเป้าหมาย หรือไม่ตั้งใจในการทำให้สำเร็จ เพราะเชื่อว่าคนที่ทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จนั้นจะไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งทบทวนตัวเองตอนสิ้นปีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะเป็นคนที่ยึดมั่นและโฟกัสกับผลที่จะเกิดขึ้นมาตลอดปีมากกว่า
เราลองมาคิดกันดูเล่นๆ ไหมคะว่า ปี 2017 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ในฐานะพนักงานออฟฟิศนั้นเราจะให้ตัวเองได้เกรดอะไร
ปัจจัยที่ควรเอามาพิจาณาก็ควรเป็นเรื่องเหล่านี้
1. ชิ้นมาสเตอร์พีซ
หลับตานึกดูนะคะว่าปีนี้เรามีผลงานอะไรที่เป็นความภาคภูมิใจของตัวเองบ้าง ผลงานที่บอกได้ว่าเราคือส่วนสำคัญในการทำให้สำเร็จ และเป็นผลงานที่ส่งผลที่ดีต่อคนอื่นๆ ผลงานที่ท้าทายความสามารถของเรา ผลงานที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้ตัวเรา ในแต่ละปีเราควรมีผลงานชิ้นโบแดงประดับไว้นะคะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นบันไดที่ดีมากๆ สำหรับการยกระดับเราให้สูงขึ้น อายุงานแต่ละปีที่ผ่านไปไม่ใช่แค่จะบอกว่าเราแก่ขึ้นนะคะ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะกำหนดอนาคตของเราด้วยค่ะ
2. ทำงานบางอย่างได้ดีขึ้น
ไม่ใช่แค่เก่งขึ้นนะคะ แต่ต้องเชี่ยวชาญมากขึ้นด้วย ในแต่ละปีที่ผ่านไปเราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเราทำอะไรได้ดีขึ้น #ในทางที่ดีเนอะ เพราะทักษะเกิดจากการทำเรื่องเดิมซ้ำๆ จนเกิดเป็นความชำนาญ ชำนาญแปลว่าทำได้เร็วขึ้น ผิดพลาดน้อยลง หรือได้ผลมากขึ้นในเวลาที่เท่าเดิม ไม่ว่าจะเข้าฝึกอบรม อ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับคนเก่งๆ แต่ถ้าคุณไม่ได้เอาความรู้นั้นมาใช้เพื่อให้คุณทำอะไรได้ดีขึ้น มันก็เป็นแค่ทฤษฎีที่อยู่ในหัวคุณ คนที่ตอบตัวเองได้ว่ามีอย่างน้อย 1 อย่างในการทำงานที่ทำได้ดีขึ้น ก็ถือได้ว่าปีนี้เป็นปีที่น่าพอใจเลยทีเดียวค่ะ
3. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน
365 วันที่ไม่มีเรื่องกับใคร ทำได้หรือเปล่าคะ บทพิสูจน์ว่าเราก้าวผ่านแต่ละปีไปได้อย่างสวยงาม คือนอกจากจะไม่สร้างศัตรูเพิ่มแล้ว ก็ควรที่จะเพิ่มมิตรภาพในออฟฟิศให้มากขึ้นอีกด้วย #เหตุผลที่คนควรอยู่ด้วยกัน เพราะทีมเวิร์กนั้นมีพลังในการสร้างสรรค์สิ่งยิ่งใหญ่ได้ดีกว่า คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี จะเป็นที่รักและมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่เกรี้ยวกราด อย่าใช้ข้ออ้างว่าวีนเพื่อให้เกิดผลงานนะคะ เพราะคนที่ Cool กว่าคือคนที่สามารถทำให้ทุกคนให้ความร่วมมือได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจค่ะ
4. ช่วยให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้น
เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท้าทายและสนุกมากเลยนะคะ ที่นอกจากเราจะทำงานเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังจะทำให้คนรอบข้างเราดีขึ้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ให้เพื่อนร่วมงาน การสนับสนุนให้ผลงานของทีมสำเร็จตามเป้าหมาย หรือการแบ่งปันรายได้และโอกาสให้กับคนรอบข้าง #ก้าวคนละก้าว #ฝากร้านพี่ตูนนิด ใช่ค่ะ พี่ตูนเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ในการเป็นคนที่พยายามเพื่อทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ และแบ่งปันความสำเร็จของตนเองให้กับคนอื่นๆ ด้วย เราอาจจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่ขอให้เริ่มต้นคิดว่า เราจะใช้ชีวิตในแต่ละปีเพื่อตัวเองและคนอื่นได้อย่างไรบ้าง
แต่ถ้าปีนี้ไม่ทันแล้ว จะทำอย่างไรให้ช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วัน ทำชีวิตทั้งปีของเราพัง แบบว่าเดินเกมผิด ชีวิตก็อาจจะเปลี่ยนได้เลยนะคะ #ไม่พังในโค้งสุดท้ายนะคะ อย่าเพิ่งท้อว่าการทำตัวดีช่วงปลายปีจะช่วยไม่ได้ #กลั้นใจไว้จนกว่าโบนัสจะออกนะคะ และมาดูกันดีกว่าค่ะว่าโค้งสุดท้ายปลายปีแบบนี้ สิ่งที่ควรทำมีอะไรบ้าง
ช่วงปลายปีนี่พีกสุดๆ ไหนจะโดนเร่งเป้า ทำงบประมาณ วางแผนปีหน้า ไหนจะต้องอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นบ้ากันค่อนออฟฟิศ แต่เราต้องยิ่งควบคุมสติอารมณ์ตัวเองให้ดี
สิ่งที่ควรทำในช่วงสิ้นปีเพื่อให้พร้อมรับการประเมิน
1. ใช้เวลาให้คุ้มค่า
หลังจากที่ใช้ฟุ่มเฟือยเวลามาสิบเดือน (โอ๋ๆ ล้อเล่นนะคะ) บางคนอาจจะงานเยอะเสียจนไม่สามารถจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก บวกกับความท้อแท้ที่มีต่อปริมาณงาน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถบริหารเวลาได้ดีเท่าที่ควร การเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เจ้านายเห็นพัฒนาการของเราได้ชัดเจนคือ การมาทำงานให้เร็วขึ้น กลับบ้านให้ช้าลงสักหน่อย คือมาถึงจุดนี้ต้องเข้าใจนะคะว่าเรื่องของภาพที่คนมองเห็นก็ยังมีผลต่อการตัดสินใจ
2. ระงับสติอารมณ์
เข้าใจว่าเป็นงาน #ยากในยาก สำหรับบางคน เพราะช่วงปลายปีนี่พีกสุดๆ ไหนจะโดนเร่งเป้า ทำงบประมาณ วางแผนปีหน้า ไหนจะต้องอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นบ้ากันค่อนออฟฟิศ แต่เราต้องยิ่งควบคุมสติอารมณ์ตัวเองให้ดี ต้องงดความขัดแย้งกับคนอื่นให้ได้มากที่สุด เนื่องจากข้อพิพาทในช่วงนี้จะดุเดือดไปสักพัก และมักจะคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาที่หัวหน้ากำลังนึกว่าจะประเมินพฤติกรรมเราว่าอย่างไรดี
3. อย่าวู่วาม
การตัดสินใจอะไรในช่วงนี้ต้องคิดดีๆ ต้องแสดงออกถึงความเป็นคนมีเหตุผล #มั่นคงทางอารมณ์ เพราะการตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไรในช่วงปลายปี อาจจะส่งผลต่อไปในอนาคตได้ เช่น ได้รับมอบหมายภารกิจอะไรที่นอกเหนือจากงานที่ทำอยู่แล้ว ก็อย่าเพิ่งตัดสินใจปฏิเสธ ให้คิดด้วยเหตุผลให้รอบคอบก่อนว่าคุ้มค่าไหม หมายถึงคุ้มค่ากับอนาคตด้วยนะ แอบกระซิบว่าหลายๆ บริษัทมักจะมีโบนัสพิเศษที่ให้พิเศษสำหรับบางคนด้วย เราควรได้รับสิ่งนั้นสิคะ
4. ช่วยทุกคน
ร่างทรงแม่ชีเทเรซา ช่วงเวลานี้ใครขออะไรก็ให้ไปก่อนเลยค่ะ นี่อย่าเรียกว่าปลูกสตรอว์เบอร์รี แค่ปลูกผักชีก็พอ เอาจริงๆ เครื่องมือยอดฮิตในการประเมินผลงานในปัจจุบันนี้คือการให้เพื่อนร่วมงานมาประเมินเราด้วย ซึ่งก็นั่นแหละ ถ้าเคยทำตัวไม่ดีไว้แล้วยังไม่เล่นใหญ่รัชดาลัยเป็นคนมีน้ำใจในตอนนี้อีกก็ท่าจะรอดยากแล้วนะคะ
5. เนียนๆ ไว้
อย่าเผลอให้ใครรู้ว่าจะลาออกนะคะ ถ้าเราไม่ได้เป็นตัวจี๊ดที่ทำผลงานเก่งกาจระดับแถวหน้า อาจจะมีผลต่อโบนัสก็เป็นได้ แบบหัวหน้าบางคนคิดว่า ไหนๆ มันก็จะไม่อยู่แล้ว เอาเงินส่วนนี้มากระจายให้คนที่ยังอยู่ต่อดีกว่า แบบว่าอยู่ๆ โควตาเกรดต่ำสุดก็มาลงเสียอย่างนั้น #เงิบนะคะบอกเลย
จริงๆ ก็อยากแนะนำอีกหลายเรื่อง แต่ดูจะไม่เหมาะเนอะ ถ้าเราจะเน้นทางปลูกผักชีเสียจนเกินไป เพราะอย่างไรเสีย #สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม และ #มนุษย์ออฟฟิศก็เช่นกัน ที่เล่าให้ฟังนี่ก็เป็นผักชีขั้วบวกเนอะ ทำแล้วยังไงก็เป็นเรื่องดี แต่จะดีมากถ้าเราทำดีแบบนี้อย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นนิสัย รับรองว่าไม่ต้องมาลำบากทำคะแนนในช่วงท้ายๆ เพราะ #มันเหนื่อย
#รักนะคะ
#เจ้าหญิงแห่งวงการHR