ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้ (19 มกราคม) เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น -2.8%, ฟิลิปปินส์ -1.12%, เกาหลีใต้ -0.77%, จีน -0.33%, อินโดนีเซีย -0.33% ส่วนตลาดหุ้นไทยปิดในแดนลบเช่นกัน ที่ระดับ 1,658.24 จุด ลดลง 0.12%
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่าแรงกดดันตลาดหุ้นในเอเชียยังเป็นเรื่องของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งโมเมนตัมยังมีมาต่อเนื่อง หลังจากดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรงเมื่อคืนก่อน
อย่างไรก็ตาม ดัชนี SET ของไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค และมีโอกาสจะฟื้นตัวกลับขึ้นไปได้ เนื่องจากแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยของไทยมีไม่มากนัก โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกนี้ที่ยังไม่น่าจะเห็นการปรับขึ้น
“หากเทียบส่วนต่างระหว่างเงินเฟ้อลบด้วยดอกเบี้ยนโยบาย อย่างกรณีของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 6% กว่า ขณะที่ของไทยอยู่ที่กว่า 1.6% เท่านั้น ด้วยช่องว่างที่ไม่กว้าง ทำให้เราจะยังไม่ถูกกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ยเร็วนัก”
เมื่อเป็นเช่นนี้เชื่อว่าการปรับฐานของดัชนี SET จะไม่ลึกมากในรอบนี้ โดยประเมินแนวรับบริเวณ 1,650 จุด หรือต่ำกว่านั้นที่ 1,630 จุด โดยมองว่าหุ้นกลุ่ม Old Economy อย่างรับเหมาก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ และค้าปลีก เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ
ด้าน บล.ฟิลลิป เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศและภูมิภาค แต่สัดส่วนการลงน้อยกว่า เนื่องจากได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นเข้าหนุนจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนภาพรวมตลาดยังคงถูกดดันจากการเร่งตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ เนื่องจากคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าคาด ส่งผลให้ดัชนี VIX กลับมายืนเหนือ 20 จุดอีกครั้ง
ทั้งนี้ประเมินว่าดัชนี SET มีโอกาสลุ้นรีบาวด์บริเวณแนวรับ 1,655 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นในธีมหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่น ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น รวมถึงทยอยสะสมหุ้นเปิดเมืองและหุ้นหลบภัยหรือปันผลเด่น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
