ก่อนเกมนัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มของศึกเอเชียนคัพ 2019 ในกลุ่ม A ฟุตบอลทีมชาติไทยต้องลงสนามกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี เจ้าภาพผู้จัดการแข่งขัน ซึ่งทั้งสองเพิ่งจะสามารถเก็บชัยชนะเกมแรกในทัวร์นาเมนต์นี้ได้ในเกมล่าสุด โดยไทยเอาชนะบาห์เรนไป 1-0 มี 3 คะแนนจาก 2 นัด ขณะที่ยูเออีสามารถเบียดเอาชนะอินเดียไปได้ 2-0 มี 4 แต้มจาก 2 นัด

 

ทำให้สถานการณ์การลุ้นผ่านเข้ารอบของทุกทีมในกลุ่มนี้ยังคงเปิดกว้าง โดยสำหรับทีมชาติไทย หากจะการันตีการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปี นับตั้งแต่การแข่งขันปีแรกในปี 1972 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันและคว้าเหรียญทองแดงได้ในปีนั้น

 

 

พวกเขาจำเป็นต้องเก็บ 3 แต้มและลุ้นให้บาห์เรนชนะอินเดียเพื่อสิทธิ์ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม หากผลออกมาเป็นไทยเสมอและบาห์เรนชนะอินเดีย จะทำให้ยูเออีเข้ารอบในอันดับที่ 1 ส่วนไทยที่มีคะแนนเท่ากับบาห์เรนที่ 4 คะแนนจะผ่านเข้ารอบในอันดับที่ 2 เนื่องจากเฮดทูเฮดไทยดีกว่า แต่หากอีกคู่อินเดียชนะ ไทยจะผ่านเข้ารอบเป็น 1 ใน 4 ของทีมอันดับที่ 3 ของกลุ่มที่ดีที่สุด สุดท้ายหากไทยแพ้ ไทยต้องลุ้นให้อินเดียชนะบาห์เรนสถานเดียวจึงจะมีลุ้นผ่านเข้ารอบต่อไปได้

 

 

ไทยปรับทัพก่อนเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม

เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ทีมชาติไทยได้ลงสนามซ้อมเป็นครั้งสุดท้ายที่ฮัซซา บิน ซายิด สเตเดียม สนามแข่งขันจริง โดยมุ่งเน้นทบทวนแท็กติกทั้งเกมรุกและเกมรับ รวมถึงยังเน้นย้ำในเรื่องของสมาธิ โดยทุกคนจะแสดงออกถึงความมุ่งมั่นเต็มที่ ซึ่งใช้เวลาฝึกซ้อม 1 ชั่วโมง

 

ทีมชาติไทยเกมนี้จะขาด พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ติดโทษแบน ซึ่งทาง โค้ชโต่ย-ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย รักษาการกุนซือทีมชาติไทย จะเลือกใช้ มิก้า ชูนวลศรี ลงสนามแทนในแดนหลัง โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ผู้รักษาประตูที่จะลงสนามเป็นเกมที่สองในทัวร์นาเมนต์นี้มองว่าไม่ใช่ปัญหา และมั่นใจว่านักเตะไทยพร้อมตั้งเป้าทำผลงานให้ที่สุดเพื่อสิทธิ์ในการผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไป

 

 

“เรื่องของ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ติดโทษแบน ทีมเราเองก็มีคนอื่นที่สามารถทดแทนกันได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องมาปรับทำความเข้าใจกันใหม่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ

 

“เกมนี้อย่างที่บอกครับว่าค่อนข้างกดดัน แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด หวังเอาชนะเพื่อเข้ารอบต่อไปให้ได้”

 

ขณะที่เกมรุกต้องยอมรับว่าสองเกมที่ผ่านมาของทีมชาติไทยยังไม่สามารถทำผลงานได้ดีนัก เนื่องจากมีประตูเพียง 2 ลูกจาก ธีรศิลป์ แดงดา ในเกมแรก และชนาธิป สรงกระสินธ์ ในเกมที่ 2 ซึ่งในเกมนัดสำคัญนี้ เกมในแดนหน้าของไทยต้องเพิ่มความเด็ดขาดหน้าประตูเพื่อเปลี่ยนแปลงโอกาสให้เป็นประตูที่จะพาไทยทะลุผ่านเข้าไปเล่นรอบต่อไปได้

 

“ถามว่ากดดันไหม ตอนนี้ในทีมเรามีความมั่นใจมากขึ้น สภาพจิตใจเกินร้อยครับ” อดิศักดิ์ ไกรษร หนึ่งในกำลังหลักในเกมรุกของไทยให้สัมภาษณ์ก่อนเกมในวันนี้

 

“การได้กลับมาเล่นกับมุ้ย เจ และอุ้ม แน่นอนว่าเราเคยเล่นด้วยกัน มันไม่ต้องปรับอะไรมากครับ อีกอย่างทั้ง 3 คนเขาเล่นได้ดีอยู่เเล้ว

 

 

“วันนี้เราจะเจอกับเจ้าภาพ กองเชียร์เขามาเยอะอยู่เเล้ว เราโยนความกดดันให้เขาดีกว่า ไม่กังวลเรื่องกองเชียร์ครับ พยายามเล่นให้สนุก เป็นนัดที่ทุกคนรอคอย ทุกคนพร้อมที่จะลงสนามทั้งเรื่องของสภาพจิตใจและร่างกายในการทำผลงานที่ดีและทำตามเป้าหมายที่วางไว้ให้ได้

 

“เกมในคืนนี้เราอาจจะแข่งขันดึกหน่อย แต่ก็ฝากแฟนบอลชาวไทยส่งกำลังใจให้เพื่อประเทศชาติของเรา”

 

 

โค้ชโต่ยเชื่อ วินัยและความมุ่งมั่นจะทำให้ไทยประสบความสำเร็จในเกมนี้

ที่ผ่านมาทั้งสถิติของไทยในการพบกับทีมจากตะวันออกรวมถึงเจ้าภาพยูเออีในครั้งนี้ จากตัวเลขเกมทางการที่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่า ไทยไม่เคยบุกไปเอาชนะยูเออีถึงบ้านได้เลยตลอด 6 เกมที่พบกัน โดยแบ่งเป็นเสมอกันไป 1 เกม แพ้ 5 เกม ซึ่งครั้งเดียวที่ไทยสามารถเอาชนะยูเออีได้ต้องย้อนไปถึงปี 2004 ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียที่ไทยเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถานเอาชนะไปได้ 3-0

 

เกมนี้โค้ชโต่ยที่แม้จะมีประสบการณ์คุมทีมชาติไทยเพียงแค่เกมเดียว แต่เคียงข้างเขาคือ โค้ชโชค-โชคทวี พรหมรัตน์ ที่มีประสบการณ์พาไทยคว้าเหรียญทองซีเกมส์เมื่อปี 2015 มาแล้ว เหมือนกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะมีประสบการณ์คุมทีมน้อย แต่ก็มี ไมค์ ฟีแลน อดีตมือขวาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในยุครุ่งเรืองของทีมคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำ

 

แม้ว่าตัวเลขและความสามารถของสองโค้ชจากต่างแดนจะต่างกับไทยมาก แต่ก็ยอมรับว่าทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของคนรู้ใจในเกมแรกสามารถโชว์ฟอร์มในเกมรุกได้อย่างสนุก ตื่นเต้น และมอบความรู้สึกที่คล้ายกันไม่น้อยเลยทีเดียว

 

 

“จากนัดที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราสามารถทำผลงานได้ดี ถ้าเรามีวินัยและความมุ่งมั่น ผมคิดว่าการที่เราเจอยูเออีในวันพรุ่งนี้ เราต้องทำงานให้หนักขึ้น ก็หวังว่าผลงานจะออกมาดี” โค้ชโต่ยให้สัมภาษณ์ภายในงานแถลงข่าวก่อนเกมเมื่อวันที่ 13 มกราคม

 

“จากเกมแรกที่เราเจออินเดีย ครึ่งแรกเราทำได้ดี แต่ครึ่งหลังสถานการณ์พลิกผัน โดนลูกที่ 2 และไม่มีสมาธิ พอเกิดการเปลี่ยนแปลงโค้ช ตัวผมเองซึ่งอยู่กับทีมมาตลอด พอได้รับหน้าที่ตรงนี้ก็ได้คุยกับลูกทีม รวมถึงผู้ช่วยคือ โชคทวี พรหมรัตน์ และได้มีการปรับระบบให้เหมาะสมกับตำแหน่ง เช่นเดียวกับความสามารถของนักเตะ โดยระบบนี้เราไม่เคยซ้อมกันเลย เพิ่งจะมาซ้อมที่นี่ แต่จากการที่อยู่ด้วยกันมานาน ด้วยพลังและความเข้าใจแท็กติก รวมถึงจิตใจที่แข็งแกร่ง จึงทำให้เกมออกมาดีในแมตช์ที่เจอกับบาห์เรน

 

“ยูเออีเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เรารู้มาตั้งแต่ตอนที่เจอกันในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกจนมาถึงเอเชียนคัพ สิ่งที่ยูเออีมีคือเรื่องของเทคนิคและความแข็งแรง เป็นทีมที่น่ากลัว เรามองมาที่ทีมชาติไทย ผมมองว่าสิ่งที่เรามีก็คือความเป็นทีมและความแข็งแกร่งในด้านจิตใจ รวมถึงในด้านแท็กติกที่เรามีและจะเอาออกมาใช้ในเกมการแข่งขัน

 

 

“ถ้ามองในแง่ของความเป็นไปได้ที่เราจะผ่านเข้ารอบ ก็เป็นไปได้ แต่ตรงนี้เรายังไม่สามารถคิดได้ว่าจะผ่านเข้ารอบ ในเกมที่เราจะเจอกับยูเออี เราต้องทำงานให้หนักและเต็มที่ เราไม่ได้มองว่าจะได้ 3 แต้มหรือ 1 แต้ม อันดับแรกเราต้องเล่นให้รัดกุมและทำให้ดีที่สุด”

 

สำหรับฟุตบอลศึกเอเชียนคัพ 2019 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม A นัดสุดท้ายระหว่างทีมชาติไทยพบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะแข่งขันวันที่ 14 มกราคม 2562 ที่สนามฮัสซา บิน ซายิด สเตเดียม, อัล ไอน์ เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และจะมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 7HD และ FOX Sports HD

 

ภาพ : สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์