นักลงทุนสถาบันมองตลาดหุ้นจีนและญี่ปุ่นน่าสนใจลงทุนที่สุดในเอเชีย แม้ตลาดหุ้นจีนจะปรับลดลง และกลุ่มเทคฯ ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ แต่ระดับดัชนีและราคาหุ้นที่ย่อตัวลงเหมาะกับการเข้าซื้อ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นส่งสัญญาณฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง หลังกระจายวัคซีนได้เพิ่ม
UBS Global Wealth Management และ Aberdeen Standard Investments Ltd. มองว่า สองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียทั้งจีนและญี่ปุ่น กำลังแสดงสัญญาณบางอย่างของการจัดการกับปัญหาที่ส่งผลกระทบกับตลาดการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี และนั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดหุ้น
โดยตลาดหุ้นจีนมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดหุ้นมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการฉีดวัคซีนที่จะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง
UBS Global มองว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นสินทรัพย์ประเภทที่ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ เนื่องจากมูลค่าที่น่าดึงดูดและความคาดหวังสำหรับการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยปัจจุบันนักลงทุนกำลังรอการสิ้นสุดของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียว และการยกเลิกภาวะฉุกเฉินของโตเกียว ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเข้าสู่ตลาดหรือไม่
“แต่การเดิมพันในตลาดหุ้นจีนถือเป็นมุมมองที่ค่อนข้างกล้าเสี่ยง เนื่องจากการปราบปรามด้านกฎระเบียบทางด้านเทคโนโลยีที่เข้มข้นขึ้น” Tan Min Lan กล่าว
Tan Min Lan หัวหน้าสำนักงานการลงทุนระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ UBS Global Wealth ในสิงคโปร์ กล่าวว่า เราเห็นศักยภาพมากขึ้นในตลาดที่ปรับตัวลดลงมาอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อย่างในตลาดหุ้นจีน เราสามารถเข้าซื้อในช่วงที่ดัชนีและราคาหุ้นย่อตัวในระยะยาว อย่างน้อยก็ในหุ้น A-Share ขณะที่ญี่ปุ่นอาจทำได้ดีกว่าในระดับโลก
ขณะที่มูลค่าหุ้นญี่ปุ่นก็น่าสนใจ โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้นน่าจะอยู่ที่ 40% ในปีนี้ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก
ด้าน Christina Woon ผู้จัดการการลงทุนของ Aberdeen Standard Investments กล่าวว่า Aberdeen กำลังเดิมพันกับกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตของจีน การสนับสนุนการลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การเดินทางภายในประเทศ และการยกระดับความต้องการของผู้บริโภคในด้านอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนพลังงานหมุนเวียน
“หากมองปัจจัยพื้นฐานที่นั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการบริโภคภายในประเทศ จะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ยังคงแข็งแกร่งอยู่” Christina Woon กล่าว
ในส่วนของญี่ปุ่นนั้นแนวโน้มการกระจายวัคซีนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดมุมมองเชิงลบ และจะช่วยฟื้นรายได้โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ
โดยประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นจีนอย่าง CSI 300 ว่ามีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นอีก 24% ในช่วง 12 เดือนจากนี้ ส่วน Topix ของญี่ปุ่น จะปรับเพิ่มขึ้น 16% ในช่วงเวลาการทำนายที่เท่ากัน ซึ่งนับว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการปรับเพิ่มขึ้น 9% ของ S&P 500
ขณะที่ Richard Kaye ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Comgest Asset Management Japan Ltd. กล่าวว่า โอกาสสำหรับหุ้นจีนและญี่ปุ่นนั้นสดใสในระยะยาวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากญี่ปุ่นมีศักยภาพในการไล่ตามในจีน ศักยภาพในการปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้น และการปรับปรุงการกำกับดูแลในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในระยะยาว
อ้างอิง: