ลืมบาร์บีคิวเสียบไม้พร้อมผักและสับปะรดย่างราดซอสมะเขือเทศฉ่ำๆ ไปก่อน เราเข้าใจว่าหลายคนไม่ชอบกินบาร์บีคิวก็เพราะเหตุนี้ แต่หากมีร้านที่สามารถทำบาร์บีคิวได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นล่ะ จะลองให้โอกาสตัวเองสักครั้งกันไหม? เรากำลังพูดถึงร้านบาร์บีคิวสไตล์อเมริกันแถวเอกมัย อย่าง Ash Kickers Briskets & Bourbon ที่ภูมิใจนำเสนอเมนูบาร์บีคิวแบบอเมริกันจากหลายภูมิภาค รวมถึงเทคนิคการรมควันที่จริงจังกับทุกวัตถุดิบ (รวมถึงเบียร์รมควันและเบอร์เบินค็อกเทลอีกนะ)
The Vibe
จากไฟแดงแยกซอยเอกมัย 12 เข้ามาไม่ไกลนัก ฝั่งขวามือคืออาคารสีดำที่มีกระจกใสมองทะลุเข้าไปให้เห็นว่าที่นี่คือร้านอาหาร ซึ่งรีโนเวตจากทาวน์เฮาส์เดิมสองหลังซึ่งอยู่ติดกัน ก่อนที่จะเชื่อมให้เป็นพื้นที่ร้านอาหารทั้งหมด ด้านในตกแต่งในโทนโมเดิร์นอินดัสเทรียลสีเข้ม สลับกับแผ่นไม้ ก้อนอิฐ และรอยยิ้มของพนักงาน เมื่อเดินเข้าไปอีกนิดก็จะเจอเคาน์เตอร์บาร์ไม้ พร้อมแท็ปคราฟต์เบียร์และคอลเล็กชันเบอร์เบินหลายสิบขวดวางเรียงรายบนชั้น รอให้ใครสักคนสั่งออนเดอะร็อกหรือโอลด์แฟชั่นสักแก้ว
ส่วนชั้นบนก็เป็นพื้นที่สำหรับรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต หรือใช้จัดงานเลี้ยงส่วนตัวก็ได้ ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องแห่งความลับ เบื้องหลังความอร่อยและกลิ่นหอมอบอวลของบาร์บีคิวต่างๆ เราเห็น เชฟโคลิน สตีเฟนส์ กำลังง่วนอยู่กับการเช็กความเรียบร้อยและคุณภาพของเนื้อบาร์บีคิวรมควัน ที่กำลังจะส่งออกจากครัวและเสิร์ฟลูกค้า ตู้เหล็กใหญ่สองตู้ในครัวคือตู้รมควันที่มาจากอเมริกา ใช้เฉพาะไม้เพื่อการรมควัน ไม่มีการใช้ถ่านหรือแก๊สเลยแม้แต่น้อย จึงมั่นใจได้ว่า กลิ่นหอมนั้นมาจากตัววัตถุดิบและไม้รมควันล้วนๆ ไม่มีชาร์โคลหรือกลิ่นแก๊สผสม
เชฟโคลิน
เชฟโคลินเล่าถึงระยะเวลาที่ใช้ในการรมควันเนื้อว่า เริ่มตั้งแต่ 6-16 ชั่วโมง จะนานหรือเร็วขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของวัตถุดิบ และไม่ใช่ว่าจะต้องใช้เนื้อหรือหมูกับการรมควันเท่านั้น เราสามารถรมควันผักเพื่อทำเมนูบาร์บีคิวแบบมังสวิรัติก็ได้เช่นกัน
ไม่เพียงแต่เมนูบาร์บีคิวจากตู้รมควันที่เชฟและทีมภูมิใจนำเสนอ เพราะทั้งซอส เครื่องเคียง และผักดอง ก็ทำขึ้นที่ร้านเองทั้งหมด จึงมั่นใจได้ว่า ทุกอย่างบนจานผ่านการตระเตรียมมาอย่างดี และเรามีหน้าที่เอ็นจอยบาร์บีคิวให้เต็มที่
บาร์บีคิวแบบอเมริกันแตกต่างจากบาร์บีคิวที่เรามักพบเจอในชีวิตประจำวัน ดังนั้นหยุดสิ่งที่จินตนาการไว้ก่อน แล้วมาลิ้มลองอเมริกันบาร์บีคิวที่ไม่ได้เป็นเนื้อทาซอสมะเขือเทศจนชุ่มแล้วกินกับสับปะรด แต่มีความแห้งที่ภายนอก นุ่มลิ้นด้านใน ด้วยเทคนิค Low & Slow ใช้อุณหภูมิต่ำและระยะเวลาในการรมควันที่ยาวนานกว่าปกติ ทำให้ความชุ่มชื้นในตัววัตถุดิบไม่เกิดการระเหยหรือหายไปไหน หากแต่จะยิ่งเสริมรสชาติให้เข้มข้นและมีมิติยิ่งขึ้น
ระหว่างรอบาร์บีคิวมาเสิร์ฟ เราสั่งฟาสต์ฟู้ดที่ถูกทำให้กลายเป็นสโลว์ฟู้ดมากินรองท้องแบ่งกันก่อนกับ Fire Cracker (420 บาท) ขนมปังกับฮอตด็อกหน้าตาธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ขนมปังนมโรยงาที่ทางร้านทำขึ้นเอง ผ่ากลางให้มีช่องสำหรับใส่ไส้กรอกบดหยาบรสเผ็ด ที่ผสมเนื้อกับหมูเข้าด้วยกัน ตัดเลี่ยนด้วยแตงกวาดองและโคลสลอว์โฮมเมด ในเซตยังมาพร้อมมันฝรั่งทอด ซอสบาร์บีคิวสูตรเฉพาะ และโฮมเมดมัสตาร์ดซอส เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน
Fire Cracker
ต่อด้วย Beef Brisket (880 บาท) ไฮไลต์ประจำร้าน นำเสนอเนื้อออสเตรเลียนวากิวหรือแบล็กแองกัส ส่วนที่ติดกับอกวัว หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เสือร้องไห้’ หมักเครื่องเทศแล้วนำไปเข้าตู้รมควันไม่ต่ำกว่า 14 ชั่วโมง จนได้เนื้อบาร์บีคิวรมควันกลิ่นหอมฉุย เสิร์ฟกับถั่วรมควัน ครีมมี่สลอว์ และสไปซี่ฮาลาเปโญคอร์นเบรด
Beef Brisket
โชคดีที่หมูกรอบเป็นหนึ่งในของกินร่วมชาติทั้งจากฟากเอเชียและอเมริกา จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมหมูกรอบจะเป็นส่วนหนึ่งของบาร์บีคิวเมนูไม่ได้ Crispy Pork Belly (470 บาท) หมูสามชั้นชิ้นใหญ่ ผิวหน้าและหนังมีความกรุบกรอบในระดับสูงสุด ถัดเข้าไปเป็นชั้นไขมัน ตามด้วยเนื้อหมูนุ่มๆ อีกเล็กน้อย โดยรวมมีรสสัมผัสที่หลากหลายในคำเดียว เรารู้ดีว่าสิ่งนี้ห่างไกลจากความผอมลีนเป็นอย่างมาก แต่ถ้ามีหมูกรอบมาตั้งอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ควรปล่อยไว้เฉยๆ จริงไหมล่ะ
Crispy Pork Belly
ไม่ต้องกลัวว่าจะเลี่ยนเกิน เพราะยังมีเครื่องเคียงและสลัดให้สั่งกินคู่กับบาร์บีคิวจานหลัก 3 Sisters Salad (260 บาท) สลัดสามพี่สาวน้องสาวชามนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากความเป็นอยู่ของอเมริกันชนแบบดั้งเดิมที่ใช้ชีวิตร่วมกับการเพาะปลูก ซึ่งถั่ว ข้าวโพด และฟักทอง คือพืชสามชนิดที่เจอในทุกฟาร์ม เพราะทำให้วัฏจักรของดินและแร่ธาตุเกิดความสมดุล สลัดชามโตชามนี้จึงเน้นไปที่ถั่ว ข้าวโพด และฟักทองเป็นหลัก ประกอบด้วยถั่วสามชนิด ข้าวโพดหวาน ฟักทองย่าง และพิวเร่ฟักทองรมควัน เพิ่มรสชาติด้วยน้ำมันกระเทียมย่างและซิตรัสวินิแกรตต์
3 Sisters Salad
หรือจะเป็น Kiss My Cheesy Grits (230 บาท) ข้าวโพดบดเนื้อเนียน สัมผัสคล้ายโพเลนต้า (Polenta) เพิ่มรสชาติและความครีมมี่ด้วยชีสซอส
Kiss My Cheesy Grits
อย่าลืมสั่งเบอร์เบินค็อกเทลกันด้วยล่ะ เพราะที่บาร์มีเบอร์เบินให้เลือกหลายสิบตัว หรือถ้าเป็นแฟนตัวยงของเบอร์เบินก็อยากให้ลองถามบาร์เทนเดอร์ถึงคอลเล็กชันพิเศษที่ได้ข่าวมาว่าพิเศษระดับโลกจริงๆ ส่วนเราก็ขอจิบ Old Fashioned (280 บาท) ไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน
Old Fashioned
What You Should Know:
- Low & Slow คือการใช้อุณหภูมิต่ำและระยะเวลาที่ยาวนานในการรมควันบาร์บีคิว ทำให้ความชุ่มชื้นในตัววัตถุดิบไม่เกิดการระเหยหรือหายไปไหน หากแต่จะยิ่งเสริมรสชาติให้เข้มข้นและมีมิติยิ่งขึ้น
- เบอร์เบิน (Bourbon) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า อเมริกันวิสกี้ คือกระจกอีกด้านหนึ่งของวิสกี้ ซึ่งทำมาจากข้าวโพดในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 51% มีปริมาณแอลกอฮอล์ 40% ขึ้นไป บ่มในถังโอ๊กใหม่ และต้องผลิตขึ้นในอเมริกาเท่านั้น (อ่านเพิ่มเติม เบอร์เบินกับเทนเนสซีต่างกันอย่างไร ว่าด้วยเรื่องเอกรสของอเมริกันวิสกี้)
Ash Kickers Briskets & Bourbon
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-23.00 น.
Address: เอกมัยซอย 12
Budget: 500-1,500 บาท
Contact: 06 5120 2018
Website: www.facebook.com/ashkickersbkk
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล