×

“เรามาถึงกลางทางแล้ว” เปิดใจ เอดู ไดเรกเตอร์ผู้อยู่เบื้องหลังการกลับมาที่น่าจับตามองของอาร์เซนอล

26.07.2022
  • LOADING...
Edu

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • เอดูถูกเลือกให้กลับมาช่วยงานอาร์เซนอลเมื่อปี 2019 ในบทผู้อำนวยการสโมสรฝ่ายเทคนิคที่ประสบปัญหาการปรับทัพเสริมทีมในยุคหลัง อาร์เซน เวนเกอร์
  • ช่วงปิดฤดูกาลนี้อาร์เซนอลซื้อแหลก ซึ่งการเสริมทัพถึง 5 รายนี้ ทำให้ใช้งบประมาณไปแล้วถึง 121.5 ล้านปอนด์ เป็นแชมป์การเสริมทัพในช่วงตลาดการซื้อขายรอบฤดูร้อนในเวลานี้
  • ยืนยันว่าการเสริมทัพที่โดดเด่นอย่าง กาเบรียล เชซุส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก ที่มาจากทีมแชมป์อย่างแมนฯ ซิตี้ ‘เป็นไปตามแผน’ ที่วางไว้ล่วงหน้าถึง 6-7 เดือน

ถ้าจะพูดถึงสโมสรฟุตบอลที่มีการเสริมกำลังทัพได้น่าจับตามองที่สุดในช่วงพรีซีซันที่ผ่านมา หลายคนน่าจะคิดถึงทีม ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอลก่อนทีมอื่น

 

ตลอดช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา กันเนอร์สสามารถคว้าตัวนักเตะเข้ามาเสริมแล้วถึง 5 รายด้วยกัน อันได้แก่

 

  • มาร์ควินญอส ปีกขวาชาวบราซิลจากเซาเปาโล
  • ฟาบิโอ วิเอรา กองกลางตัวทำเกมจากเอฟซี ปอร์โต้
  • แมตต์ เทอร์เนอร์ ผู้รักษาประตูมือสองจากนิวอิงแลนด์ เรโวลูชัน
  • กาเบรียล เชซุส กองหน้าทีมชาติบราซิลจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก ที่สามารถเล่นได้ทั้งแบ็กซ้ายและกองกลางที่มาจากแมนฯ ซิตี้เช่นกัน

 

การเสริมทัพทั้ง 5 รายนี้ ทำให้อาร์เซนอลใช้งบประมาณไปแล้วถึง 121.5 ล้านปอนด์ เป็นแชมป์การเสริมทัพในช่วงตลาดการซื้อขายรอบฤดูร้อนในเวลานี้ ซึ่งการเสริมทัพทั้งหมดนั้นเป็นการเสริมทัพในความหมายตามคำพูดจริงๆ เพราะทุกคนถูกซื้อมาด้วยความคาดหวังว่าจะทำให้ทีมของ มิเกล อาร์เตตา เป็นทีมที่ดีและลงตัวขึ้นได้

 

และผลงานในช่วงพรีซีซันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อพวกเขาคว้าชัยชนะในเกมอุ่นเครื่องได้ติดต่อกันถึง 5 นัด จากอิปสวิช ทาวน์ (5-1), เอฟซี เนิร์นแบร์ก (5-3), เอฟเวอร์ตัน (2-0), ออร์แลนโด ซิตี้ (3-1) และล่าสุดที่สร้างความประทับใจอย่างมากคือการเอาชนะทีมคู่แข่งร่วมพรีเมียร์ลีกอย่างเชลซีได้ถึง 4-0

 

ทุกอย่างมันดูสดใสไปหมดสำหรับชาว Gooners ซึ่งนอกเหนือจากคนหน้าฉากที่รับเครดิตเต็มๆ อย่างอาร์เตตาแล้ว อีกคนที่มีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ เอดู อดีตมิดฟิลด์เชิงสูงในยุคไร้พ่าย ‘The Invincibles’ ที่กลับมาช่วยงานสโมสรในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค (Technical Director) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2019 และทำให้สโมสรกลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้งนับจากนั้น

 

เวลาผ่านมา 3 ปี เอดูมองทีมของเขาอย่างไร มองผลงานการเสริมทัพของตัวเองอย่างไร และมองอนาคตของสโมสรอย่างไร?

 

 

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

 

ก่อนหน้าที่เอดูจะย้ายมานั้นอาร์เซนอลไม่ได้เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จนักในการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีม โดยเฉพาะหลัง อาร์เซน เวนเกอร์ ต้องอำลาทีมไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2017/18 ที่ทีมขาดที่พึ่งไป (และความจริงอาร์เซนอลก็มีปัญหามาตลอดตั้งแต่ เดวิด ดีน อดีตรองประธานสโมสรที่ดูแลด้านนี้อำลาทีมไปในปี 2008 แล้ว)

 

ความจริงพวกเขาได้ ราอูล ซานเยฮี ผู้อำนวยการสโมสรฝ่ายฟุตบอลชาวสเปน และอีกคนคือ สเวน มิสลินทัท หัวหน้าแผนกจัดหานักเตะ ที่ถูกดึงตัวมาทำงานด้านนี้แทนที่ของ อิวาน กาซิดิส อดีตซีอีโอสโมสรซึ่งอำลาอาร์เซนอลไปพร้อมกับเวนเกอร์ แต่ทั้งสองประสบความล้มเหลวตลอดระยะเวลาการทำงานในลอนดอน และทำให้ทีมตัดสินใจที่จะหาใครสักคนที่ไม่ได้เพียงแค่มีความรู้ แต่ยังมีความเข้าใจ และมีคอนเนกชันที่ดีในวงการฟุตบอลด้วย

 

เอดู ซึ่งขณะนั้นทำงานในทีมชาติบราซิลในบทผู้ประสานงาน ถูกเลือกให้กลับมาช่วยงานในบทผู้อำนวยการสโมสรฝ่ายเทคนิค ซึ่งเป็นแค่ชื่อตำแหน่งแต่ในบทบาทแล้วเขามาเพื่อการเจรจาว่าความและเฟ้นหานักเตะฝีเท้าดีมาสู่ทีม

 

หนึ่งในนักเตะคนแรกๆ ที่เอดูดึงเข้ามาคือ กาเบรียล มาร์ติเนลลี ไอ้หนูดาวรุ่งชาวบราซิลที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน แต่ไดเรกเตอร์ชาวบราซิลผู้นี้ต้องการตัวและแม้ต้องใช้ ‘ปฏิบัติการพิเศษ’ แต่ก็สามารถคว้าตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จ

 

จากนั้นเอดูค่อยๆ เติมนักเตะที่ดีเข้ามาสู่ทีมทีละคนสองคน กาเบรียล มาร์กัลเญส, โธมัส ปาร์เตย์, มาร์ติน โอเดการ์ด, เบน ไวท์, อารอน แรมส์เดล, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ

 

และในฤดูกาลนี้กับ 5 นักเตะที่กล่าวมา โดยเฉพาะในรายของ เชซุสและซินเชนโก ที่สร้างความตื่นเต้นได้อย่างมาก เพราะเป็นการคว้าตัวนักเตะฝีเท้าดีมีระดับจากทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาร่วมทีมได้ ทั้งๆ ที่อาร์เซนอลก็ไม่ได้ไปรายการใหญ่สุดอย่างแชมเปียนส์ลีกด้วยซ้ำไป

 

เรื่องนี้ทำให้เอดูมีความสุขไม่แพ้แฟนบอล แต่ที่สำคัญคือเขายืนยันว่าการเสริมทัพสองคนนี้ ‘เป็นไปตามแผน’ ที่วางไว้

 

“การคว้าตัวซินเชนโกเราวางแผนมา 6 เดือนแล้ว เพื่อให้ทุกตำแหน่งพร้อมที่สุดสำหรับการเล่นในแนวทางที่มิเกล (อาร์เตตา) วางไว้

 

ขณะที่เชซุสเองเผยว่า คนที่มีส่วนสำคัญในการย้ายมาอาร์เซนอลคือเอดู เพียงแต่เจ้าตัวบอกว่ามีหน้าที่แค่เป็นคนเจรจา แต่ดีลนี้ก็พูดคุยทำความรู้จักมักคุ้นและค่อยๆ เกลี้ยกล่อมไม่ใช่แค่นักเตะ แต่รวมถึงเอเจนต์และครอบครัวของพวกเขาให้เข้าใจในสิ่งที่อาร์เซนอลเป็น อาร์เซนอลมองเห็น และอาร์เซนอลอยากได้พวกเขามาเพื่อจะไปสู่จุดไหนต่อ กระบวนการเหล่านี้ใช้ระยะเวลาถึง 7 เดือนด้วยกัน

 

“เขาเลือกเราก็เพราะเขาเข้าใจว่าเราคือใคร” เอดูกล่าว

 

“มันไม่ใช่เฉพาะแชมเปียนส์ลีก แต่มันคือโอกาสที่จะได้อยู่ในกลุ่มนักเตะที่พิเศษที่สามารถประสบความสำเร็จให้กับสโมสรแห่งนี้ได้ ผมถามพวกเขาว่าอยากจะร่วมงานไปด้วยกันในสิ่งที่เราพยายามสร้างกันอยู่ไหม”

 

 

ตลาดยังไม่จบ อย่าเพิ่งปิดงบตอนนี้

 

แต่ถึงจะใช้งบไปแล้วกว่า 121.5 ล้านปอนด์ นั่นไม่ได้หมายความว่าอาร์เซนอลจะไม่มีนักเตะใหม่เข้ามาอีก

 

ก่อนหน้านี้ทีมมีเป้าหมายในการคว้าตัว ราฟินญา ปีกดาวเด่นทีมชาติบราซิลจากลีดส์​ ยูไนเต็ด ซึ่งจะเป็นการเสริมกำลังทัพที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง เพียงแต่สุดท้ายแล้ว ดาวเตะวัย 25 ปี เลือกที่จะทำตามความฝันในการย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นเรื่องที่เอดูก็ต้องยอมรับว่าช่วยอะไรไม่ได้

 

“ผมคุยกับเดโก (อดีตตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกส ที่เคยโด่งดังกับปอร์โต้ บาร์เซโลนา และเชลซี) เพราะเดโกเป็นเอเจนต์ของเขาและผมก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ซึ่งพอผมขอให้เขาช่วยอธิบายสถานการณ์เกี่ยวกับราฟินญา เขาก็บอกชัดเจนว่า เอดู ถึงเราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เรื่องนี้ผมจะไม่โกหกคุณ ในความคิดของราฟินญาเขาอยากไปบาร์เซโลนาเพราะมันคือความฝันของเขา และเราก็คุยกับบาร์เซโลนากันมานานแล้ว”

 

สำหรับตลาดรอบนี้ อาร์เตตาบอกก่อนหน้านี้ว่าเขายังหวังว่าจะมีการซื้อตัวเข้ามาอีกก่อนตลาดปิด เช่นเดียวกับนักเตะบางรายที่อาจจะย้ายออกไป

 

เรื่องนี้เอดูส่งสัญญาณว่า “ผมคิดว่าเรามีการเตรียมตัวสำหรับทุกสถานการณ์ เรายังรู้สึกว่าตลาดยังเปิดอยู่ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดในทุกสถานการณ์เพราะโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ”

 

 

ดินมาถึงกลางทางและจะไปต่อให้ถึงเส้นชัย

 

นับจากที่เริ่มรับตำแหน่งมา เอดูอยู่กับอาร์เซนอลมาแล้ว 3 ปี จากปีแรกที่ยากลำบากในตลาดฤดูร้อน 2019 มาถึงปัจจุบันที่ทีมเริ่มกลับมาเป็นที่น่าจับตามองอีกครั้ง อาร์เซนอลเดินทางมาถึงไหน และแผนข้างหน้าของทีมคืออะไร?

 

“เรามีแผนอยู่แล้ว และตอนนี้เราน่าจะอยู่ในช่วงกลางของแผนเราแล้ว” เอดูเผย

 

“เราต้องการพัฒนาคุณภาพของทีมอย่างต่อเนื่อง ต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญอย่างถูกต้องเพื่อให้ทีมเราดีขึ้นทุกปี ดังนั้นเราจะต้องพยาามทำให้ดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ”

 

แต่การทำให้ทีมดีขึ้นอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะสำหรับเอดู คนที่เคยอยู่กับอาร์เซนอลในยุคทองต้นยุคมิลเลนเนียล ชัยชนะและถ้วยรางวัลคือเครื่องสะท้อนตัวตนของสโมสรแห่งนี้ได้อย่างดีที่สุด และในฤดูกาลใหม่เขามองไปไกลกว่าท็อปโฟร์แล้ว

 

“เราต้องมองทุกอย่างตามความเป็นจริง แต่ทำไมไม่บอกว่าผมอยากจะได้ชัยชนะอีกครั้ง? ผมอยากจะไปให้ถึงจุดนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำไมมันถึงจะเป็นไปไม่ได้เล่า?” เอดูประกาศ 

 

“ด้วยความเคารพต่อคู่แข่งและยืนยันว่ามองตามความเป็นจริง ผมไม่คิดถึงอะไรที่น้อยไปกว่าการได้แชมป์เลย”

 

นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของผู้อำนวยการสโมสรคนสำคัญของอาร์เซนอล และบางทีอาจจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของชาว Gooners ทุกคนด้วยเหมือนกัน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising