Aromkwan โมเดิร์นเซาท์อีสต์เอเชียนสโมกเกอรี ที่ใช้ควันเติมความอร่อย และเสิร์ฟอาหารบนใบตอง

คนไทยกับของกินปิ้งย่างเป็นของคู่กันมาตั้งนานแล้ว สังเกตได้จากร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การทำอาหารให้สุกด้วยไฟ นอกจากรสชาติแล้ว การคุมไฟและเข้าใจควันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ความอร่อยของอาหารเพิ่มมากขึ้นหรือลดน้อยลง

โชคดีที่เชฟแบงค์-วิชชณุ เปรมภักตร์ ตระหนักถึงเรื่องนี้ และมีประสบการณ์เรื่องไฟและควันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่เชฟมีเชื้อสายมาเลเซีย-อินเดีย-เปอรานากัน และตัวเชฟก็สนิทกับคุณย่าและอยู่ด้วยกันตลอด ทำให้ได้ฝีมือการทำอาหารติดมาด้วย จากจุดเริ่มต้น Aromkwan เกิดขึ้นในรูปแบบของฟู้ดทรักในซอยสุขุมวิท 19 ขายอาหารปิ้งย่างแบบอีสาน-อิซากายะไปตามประสา และระหว่างนั้นก็เป็นเชฟที่ร้านอาหารลาว-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปด้วย จนสุดท้ายตัดสินใจเปิดร้านอาหารแนวเอเชียนสโมกเกอรี ร่วมกับ ปอ-ทิพย์อาภา บุญช่วย เพื่อสานต่อความฝันและถ่ายทอดรสมือคุณย่า

เชฟแบงค์ให้ความสำคัญกับควันเป็นพิเศษ เชฟอธิบายเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างไฟและควัน ไฟให้ความร้อนและทำให้อาหารสามารถรับประทานได้ ขณะเดียวกันผลพลอยได้จากการทำอาหารให้สุกด้วยไฟ คือกลิ่นที่เกิดจากควัน ควันให้อโรมา และในทางกลับกันก็อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์จนทำให้ความอร่อยลดลงได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้คนทำอาหารจึงต้องเข้าใจควันมากพอๆ กับไฟ และนี่เป็นที่มาของชื่อร้าน ‘อารมณ์ควัน’ ด้วยนั่นเอง

จากปากซอยสุขุมวิท 49 ร้านอยู่ในตึกแถวท่ามกลางชุมชนเล็กๆ ท้ายซอย ระหว่างแยก 17 กับ 19 ใกล้ถึงแล้วให้โทรหรือแชตบอกเชฟ เพื่อที่เชฟจะเปิดประตูให้ ตัวร้านตกแต่งด้วยโต๊ะไม้ยาวตั้งเด่นกลางร้าน ข้างๆ เป็นผ้าบาติกอินโดนีเซีย ส่วนด้านหลังห้องอาหารเป็นโฮมคิทเชนเบื้องหลังความอร่อยของค่ำคืนนี้

อาหารทุกเมนูล้วนมีกลิ่นอายของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความรัสติกแบบดั้งเดิม และโมเดิร์นในแบบที่ตีความรสชาติ วัตถุดิบ และวิธีการทำใหม่ตามแบบเชฟ และเนื้อต่างๆ ถูกรมควันด้วยไม้ไทย (ลำไย, สละ, มะขาม) ซึ่งเชฟตั้งไฟอ่อนรมเนื้อข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว

เชฟจะเตรียมเมนูและกะปริมาณอาหารเท่ากับจำนวนคนร่วมโต๊ะ ก่อนที่อาหารจะพร้อม ใบตองจะถูกกางออกเพื่อปูโต๊ะ และทำหน้าที่แทนจานกลาง อาหารทยอยเสิร์ฟแบบงานเลี้ยงฉลอง แต่ละอย่างมาเป็นหม้อ บรรจงตักราดบนใบตองกลางโต๊ะ จากนั้นค่อยตักแบ่งใส่จานของแต่ละคน

เป็นธรรมดาของชาวเอเชียที่มักจะรับประทานอาหารพร้อมข้าว เชฟเตรียม บริยานีกากหมูเจียวกระเทียม จังหวะยกหม้อออกมาจากครัวก็ส่งกลิ่นหอมฉุยชวนน้ำลายสอแล้ว ข้าวบาสมาติเม็ดยาวเรียวหุงพร้อมกากหมูเจียวและกระเทียมตุ๋น ไว้กินกับแกงและเครื่องเคียงที่กำลังทยอยมา

มาซาลาแพะรมควัน เนื้อแพะติดกระดูกหมักเครื่องเทศแล้วรมควันกว่า 5 ชั่วโมงเพื่อลดกลิ่นสาบ แล้วไปทำแกงมาซาลา น้ำขลุกขลิกคลุกบริยานียิ่งกินยิ่งเพลิน

ต่อด้วย แกงกะหรี่ขาหมูรมควัน เมนูที่มีกลิ่นอายเปอรานากัน เชฟนำขาหมูไปรมควัน 9 ชั่วโมง แล้วใช้น้ำสต๊อกที่เหลือจากการรมควันมาเป็นเบสแกงกะหรี่ ใส่มันฝรั่ง กะทิ และน้ำตาลมะละกาตามเข้าไป เคี่ยวจนได้แกงกะหรี่รสคุ้นลิ้นคนไทย กินกับหมูรมควันได้ไม่เบื่อ

ปีกไก่ซอสศรีราชารมควัน เครื่องเคียงข้าวกับแกงที่เชฟทำให้วันนี้ เป็นปีกไก่หมักซอสพริกศรีราชา ไม่เพียงเท่านี้ ยังเคลือบด้วยเหล้าไทยเพื่อให้ปีกยังคงความฉ่ำหลังจากผ่านการรมควันแล้ว แทะกินแก้เลี่ยนก็ได้ หรือรับประทานพร้อมข้าวก็ดีไม่แพ้กัน

นอกจากแกงและเครื่องเคียง เชฟแบงค์ยังเตรียม เอเชียนสลอว์ สลัดหน้าตาและรสชาติแบบเอเชีย แตงกวา มะเขือเทศ ต้นหอม กระเทียมเจียว และพราลีนถั่วตัด เคียงพร้อมโยเกิร์ตและมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติ

What You Should Know:

ร้านเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงเดือนเมษายน ระหว่างนี้หากมารับประทานที่ร้านต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น หรือจะสั่งเดลิเวอรีก็ได้
ติดตามเมนูอาหารได้จาก IG ร้าน เมื่อจองวันเวลาเรียบร้อย เชฟจะส่งเมนูให้เลือก และกะปริมาณให้เท่ากับจำนวนสมาชิกที่จองเข้ามา
ข้าวอบหม้อดิน (ไซส์ 11 นิ้ว) สนนราคา 950 บาท ประกอบด้วยข้าว 1 กิโลกรัม, แกง 500 กรัม, เครื่องเคียง 500 กรัม และสลัดอีก 500 กรัม
สามารถจอดรถได้ที่ลานจอดห่างจากร้านประมาณ 250 เมตร (มีค่าที่จอดรถ)