Apple เพิ่มความเข้มงวดกับแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับ NFTs บน App Store โดยต้องการให้มาใช้ระบบการชำระเงินผ่าน Apple เบื้องต้นคิดค่าธรรมเนียมจากธุรกรรม 30%
Apple บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เพิ่มความเข้มงวดทางนโยบายกับแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับ NFTs บน App Store หลังการอัปเดตใหม่ เพื่อให้ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ NFTs ต้องทำงานผ่านระบบการชำระเงินของ Apple เท่านั้น โดยจะคิดค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมดังกล่าว 30%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เศรษฐกิจไม่ดีทำ iPhone 14 ไม่ปังอย่างที่คิด Apple สั่งโรงงาน ‘ลดกำลังการผลิตลง’ ทำหุ้นซัพพลายเออร์ร่วงถ้วนหน้า
- ‘ชาวเวียดนาม’ หลายคนยอมบินไปสิงคโปร์และไทย เพื่อซื้อ ‘iPhone 14’ ในวันแรกที่เปิดขาย คาดราคาขายต่อรุ่น Pro Max จะสูงถึง 92,300 บาท
- ต้นทุน iPhone 14 เพิ่มขึ้น 20% จากรุ่นก่อนหน้า คาด Apple แบกภาระไว้เอง จึงไม่ขึ้นราคาขายในอเมริกา
นโยบายใหม่ของ App Store คือ จะอนุญาตให้แอปพลิเคชันที่มีการเทรด หรือ ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เฉพาะแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตแล้วเท่านั้น และทาง App Store จะให้ความยินยอมในการใช้งานของแอปพลิเคชันเหล่านั้น เฉพาะในประเทศหรือภูมิภาคที่ทางแอปพลิเคชันนั้นๆ มีใบอนุญาตอยู่เท่านั้น
แนวทางปฏิบัติของ App Store ยังมีรายละเอียดว่า แอปพลิเคชันต่างๆ สามารถมีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ NFTs ได้ แต่ต้องเป็นรูปแบบ ‘In-App Purchase’ หรือการซื้อ-ขายบนแอปเท่านั้น ซึ่งรวมไปถึงการออกเหรียญ การลิสต์เหรียญ และการโอนเหรียญ ทางแอปจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ ‘External Link’ หรือการใช้ลิงก์ภายนอกให้ผู้ใช้งานไปทำธุรกรรมนอกแพลตฟอร์ม
ซึ่งแนวทางของธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ NFTs นั้น จะต้องผ่าน Apple ‘In-App Payment Mechanism’ หรือกลไกระบบการชำระเงินของ Apple เท่านั้น ซึ่งทาง Apple จะคิดค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมดังกล่าว 30%
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้งานส่วนมากมักซื้อ NFTs เพื่อรับบริการพิเศษ หรือการเป็นสมาชิกเพื่อสิทธิประโยชน์บางประการนั้น ทางนโยบายใหม่ของ Apple กล่าวว่า อาจจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ดังเช่นเดิม
ในขณะเดียวกัน การหักค่าธรรมเนียม 30% ของ Apple ก็ต่างเป็นที่ถกเถียงจากเหล่านักพัฒนาแอปพลิเคชันว่า การทำ In-App Purchase นั้นเป็นการผูกขาดมากเกินไปหรือไม่ จนเกิดประเด็นการฟ้องร้องจากเกมดังอย่าง Fortnite ของค่าย Epic Games ต่อ Apple ถึงการหักค่าธรรมเนียมถึง 30%
แต่ทาง Apple ก็ออกมาชี้แจงว่า การกระทำดังกล่าวเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของแอปพลิเคชันและการชำระเงิน ทั้งยังสามารถสร้างระบบนิเวศที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้เหล่านักพัฒนาสามารถทำเงินได้อีกเช่นกัน
อ้างอิง: