ครั้งหนึ่งการซื้อ iPhone เครื่องใหม่ทำให้เรานั้นควักเงินออกจากกระเป๋าเพียงครั้งเดียว แต่ย้อนกลับไปในปี 2020 Apple ได้เปิดตัว iPhone 12 ทั้ง 4 โมเดล โดยที่ไม่ได้แถมอะแดปเตอร์ชาร์จและหูฟัง Earbuds มาให้ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม ทว่าในอีกแง่หนึ่งก็ทำให้ประหยัดต้นทุนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผลวิจัยชี้ว่า Apple ทำเงินได้มากขึ้น 5 พันล้านปอนด์ หรือ 2.2 แสนล้านบาทจากเรื่องดังกล่าว
ความเคลื่อนไหวของ Apple นั้นอ้างว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประจำปีได้ 2 ล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ 5 แสนคันออกจากถนน แต่ในอีกทางหนึ่งก็ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลด้านความยุติธรรม และการที่ผู้บริโภคบางรายมองว่าพวกเขาถูกเอาเปรียบจากการที่ไม่ได้ลดราคาเครื่องลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- บราซิลสั่งปรับ Apple รวม 61.7 ล้านบาท ฐานไม่แถมอะแดปเตอร์ชาร์จมาให้ใน iPhone 12
- Apple เตรียมบอกลาช่องชาร์จ ‘Lightning’ หลังยุโรปเตรียมออกกฎ 1 สายชาร์จ ต้องใช้ได้กับทุกยี่ห้อ
ตั้งแต่ปี 2020 ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 690 บาท (สำหรับราคาประเทศไทย) สำหรับอะแดปเตอร์ชาร์จและหูฟังที่ไม่ได้แถมมาอย่างที่เคย โดยมีการประเมินว่าการลดอุปกรณ์ลงทำให้ Apple ลดต้นทุนการขนส่งลงประมาณ 40% ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า Apple สามารถประหยัดได้ประมาณ 1,200 บาทจากสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่อง
เบน วูด หัวหน้านักวิเคราะห์ของ CCS Insight ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี กล่าวว่า “Apple เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม แต่ในอีกทางหนึ่งแน่นอนว่า Apple จะประหยัดต้นทุนในการถอดอะแดปเตอร์ชาร์จและหูฟังเมื่อขาย iPhone”
คาดว่า Apple มียอดขาย iPhone ประมาณ 190 ล้านเครื่องทั่วโลก นับตั้งแต่ประกาศไม่แถมอะแดปเตอร์ชาร์จและหูฟัง เมื่อรวมกับค่าขนส่งที่ลดลง ทำให้ประเมินว่า Apple ทำเงินได้เพิ่มขึ้น 5 พันล้านปอนด์ หรือ 2.2 แสนล้านบาท และทำเงินได้อีก 225 ล้านปอนด์ หรือ 1 หมื่นล้านบาทจากการขายอุปกรณ์เสริม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้บริโภคจะไม่ได้รับอะแดปเตอร์ชาร์จและหูฟัง แต่ Apple ได้ย้ำว่าสมาร์ทโฟนของตัวเองนั้นจะมีฮาร์ดแวร์ที่อัปเกรดแล้วและมีคุณภาพสูงกว่าโดยทั่วไป นอกจากนี้ Apple ได้โต้แย้งถึงการรักษาราคาเดิมในขณะที่ iPhone มาพร้อมกับคุณสมบัติระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้น
อ้างอิง:
