Apple กำลังเผชิญกับช่วงเวลาทางการเงินที่ท้าทาย โดยประสบกับไตรมาสที่ ‘แย่’ ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 สะท้อนได้จากรายได้รวมที่ลดลง แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องพูดถึงคือ Apple ยังคงทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
รายรับของ Apple ลดลงเล็กน้อย 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 9.48 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3.2 ล้านล้านบาท และมีกำไร 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาทด้วยกัน
หมวดหมู่ iPhone และบริการ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของ Apple มาหลายปี ต่างมีรายได้เพิ่มขึ้นปีต่อปี แต่โชคไม่ดีที่กำไรเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะสร้างสมดุลให้กับการลดลงของธุรกิจอื่นๆ เช่น แผนก Mac, iPad และ Wearables / Home / Accessories ที่ต่างก็มีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่อง ‘อินเดีย’ ตลาดสำคัญของ Apple ในฐานะแหล่งผลิตและแหล่งสร้างรายได้ต่อจากจีน
- Apple กำลังเจอวิกฤต? ยอดจัดส่ง Mac ลดลง 40% มากที่สุดในบรรดาคู่แข่งรายใหญ่
- ทิม คุก ยก 3 เหตุผล ดอลลาร์แข็งค่า – ปัญหาการผลิตในจีนที่กระทบ iPhone 14 Pro / Pro Max – เศรษฐกิจไม่ฟื้น ทำ Apple มียอดขายพลาดเป้านักวิเคราะห์ในรอบ 7 ปี
แม้จะเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ แต่ยอดขาย iPhone ของ Apple ก็สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5.13 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม นี่เป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ เมื่อพิจารณาจาก iPhone 14 และ 14 Pro ได้เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
นอกจากนี้ธุรกิจบริการของ Apple ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยังสร้างสถิติใหม่ด้วยรายรับ 2.09 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะอยู่ในห้วงเวลาที่สดใส ยอดขาย Mac ลดลง 31% จาก 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เหลือเพียง 7.2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด แม้ว่าการลดลงนี้จะไม่รุนแรงเท่ากับการลดลง 40% ที่คาดการณ์ไว้โดย IDC เมื่อเดือนที่แล้ว แต่นี่ก็ยังบ่งชี้ถึงความสนใจของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างมาก
ยอดขาย iPad ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ก็ยังลดลง 13% คิดเป็นมูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ แม้จะมีการอัปเดตที่สำคัญสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPad ในฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา
ทิม คุก แม่ทัพของ Apple อธิบายให้นักลงทุนฟังว่า iPad และ Mac ต่างประสบปัญหาในการเปรียบเทียบแบบปีต่อปี เนื่องจากยอดขายในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ อันมาจากผลิตภัณฑ์อย่าง iPad Air รุ่น M1 และ MacBook รุ่น M2 ที่ได้รับการออกแบบใหม่
หมวดหมู่ Wearables / Home ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์อย่างเช่น AirPods, Apple Watch และกลุ่มผลิตภัณฑ์ HomePod มีรายได้ลดลงน้อยกว่า 1% ซึ่งการลดลงนี้ไม่มากพอที่จะสร้างความกังวลที่สำคัญใดๆ
ในแง่ของประสิทธิภาพระดับภูมิภาค บางภูมิภาคในเอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นจุดสว่างในไตรมาสนี้ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 15.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในทางกลับกัน ตลาดในประเทศของ Apple ในอเมริกาเผชิญกับรายได้ที่ลดลงอย่างรวดเร็วถึง 7.6% ยุโรปมียอดขายต่อปีเติบโตปานกลางที่ 2.8%
Greater China ซึ่งครอบคลุมจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน มียอดขายลดลง 2.9% ต่อปี เป็น 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสดังกล่าว ภูมิภาคนี้เคยเป็นกลไกหลักในการเติบโตของ Apple
ในขณะเดียวกัน รายรับในญี่ปุ่นลดลง 7.1% เป็น 7.1 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่เหลือมีรายได้เพิ่มขึ้น 15.3% เป็น 8.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่สดใสที่สุดในไตรมาสนี้
“เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับผลงานที่เราเห็นในตลาดเกิดใหม่ และทำสถิติสูงสุดตลอดกาลในเม็กซิโก, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ซาอุดีอาระเบีย, ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เช่นเดียวกับสถิติประจำไตรมาสเดือนมีนาคม รวมทั้งในบราซิล มาเลเซีย และอินเดีย” คุกกล่าว
Apple เพิ่งเปิดร้านค้าปลีกแห่งแรกในอินเดียเมื่อปลายเดือนเมษายน ซึ่งคุกได้ปรากฏตัวในงาน และเปิดประตูต้อนรับลูกค้า โดยนี่เป็นการเยือนอินเดียครั้งแรกของคุกในฐานะซีอีโอตั้งแต่ปี 2016 โดยคุกแสดงความเห็นในแง่ดีต่อศักยภาพของตลาด Apple ตั้งเป้าที่จะดึงดูดชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตในอินเดียให้เป็นตลาดหลักสำหรับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
อ้างอิง: