ด้วย ‘พระราม 4 – อโศก’ เป็นอีกหนึ่งทำเลที่มาแรงและน่าสนใจ ได้ชื่อว่าเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ เห็นได้จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างอาคารสำนักงาน อาคารพานิชย์ โครงการมิกซ์ยูส หรือบิ๊กโปรเจกต์ต่างๆ ตลอดเส้นทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการมูลค่าหลายแสนล้านบาท
ทำให้ล่าสุด ‘เอพี (ไทยแลนด์)’ ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ Life พระราม 4 – อโศก มูลค่าโครงการ 6,700 ล้านบาท จำนวน 1,237 ยูนิต ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมร่วมทุนโครงการใหม่ล่าสุดอันดับที่ 19 ของการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างเอพีและพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) มายาวนานกว่า 8 ปี
เหตุผลที่ทำให้เอพีเลือกเปิดตัวในช่วงเวลานี้นั้น กมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ระบุว่า ได้ดูจากพฤติกรรมของลูกค้าที่มีการนัดหมายเข้าชมโครงการอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการทยอยโอนโครงการ Ready-to-move-in อย่าง Life Ladprao Valley และ Life Asoke Hype ผนวกกับในช่วงที่ผ่านมาได้จัดแคมเปญการตลาดอย่างต่อเนื่องและได้รับฟีดแบ็กที่ดีจากลูกค้า จึงมองได้ว่ากำลังซื้อยังคงมีอยู่ หากมีโปรดักต์ที่ดีและสอดคล้องกับความต้องการ
“ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เอพีมองว่าผู้ประกอบการจะออกมาทำการตลาดอย่างเต็มที่ ทั้งภาพการประกาศเปิดขายโครงการใหม่แนวราบและแนวสูง และกิจกรรมโปรโมชันส่งเสริมการขาย เพื่อให้สามารถได้ตัวเลขผลประกอบการปิดปีที่สวยงาม จึงนับเป็นสัญญาณบวกที่ดี”
สำหรับแผนไตรมาส 4/64 เอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 21 โครงการ มูลค่ารวม 26,420 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,420 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการใหม่ โดยปักแผนในการเปิดขาย 2 โครงการแรก ได้แก่ Life อโศก-พระราม 4 มูลค่าโครงการ 6,700 ล้านบาท เปิดขาย 16-17 ตุลาคมนี้ และ Aspire รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เปิดจองรอบพิเศษครั้งแรก 6-7 พฤศจิกายนนี้
ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 เอพีสามารถทำยอดขายสุทธิรวม (Net Pre-Sale) ได้มากถึง 27,240 ล้านบาท คิดเป็น 77% จากเป้ายอดขายที่ตั้งไว้คือ 35,500 ล้านบาท และเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าได้
อย่างไรก็ตาม กมลทิพย์มองว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายในการทำงานภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งมองว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นในธุรกิจจะวิ่งเป็นไซเคิล (ขึ้น-ลง) กราฟพีกขึ้นสูงสุดในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง การระดมฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันเป็นไปได้ในวงกว้างมากขึ้น ภาครัฐเริ่มประกาศคลายล็อกมาตรการต่างๆ ที่มีผลตั้งแต่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวลานี้ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายก่อนปิดปี ได้มองเห็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนขึ้นตามลำดับ
“ความเชื่อมั่นของลูกค้าอสังหาริมทรัพย์เริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้น ซึ่งบริษัทเชื่อว่าดีมานด์ลูกค้าที่มีต่อสินค้าที่อยู่อาศัยจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ มีลูกค้ามองหาที่อยู่อาศัยหลังใหม่อยู่เสมอ” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียมกล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
