เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) รายงานกำไรสุทธิ 343 ล้านบาท ใน 1QFY66 (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565) หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 436 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 10 ไตรมาส ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาด หลักๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเช่าที่ราชพัสดุที่ลดลง ในขณะที่รายได้แข็งแกร่งตามคาด
สำหรับรายการที่สำคัญใน 1QFY66 ดังนี้
- ใน 1QFY66 AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 23 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 33%QoQ, 63% ของระดับก่อนเกิดโควิด) ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 21%QoQ, 83% ของระดับก่อนเกิดโควิด) และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 11 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 47%QoQ, 49% ของระดับก่อนเกิดโควิด)
- รายได้อยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท ใน 1QFY66 เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 2.3 พันล้านบาท ใน 1QFY65 และเพิ่มขึ้น 35%QoQ รายได้ค่าบริการผู้โดยสาร (41% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 44%QoQ สู่ 3.6 พันล้านบาท และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (26% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 32%QoQ สู่ 2.3 พันล้านบาท
- ด้านต้นทุน ค่าสาธารณูปโภคและค่าจ้างภายนอกเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ค่าเช่าที่ราชพัสดุอยู่ในระดับต่ำที่ 1 แสนบาท เทียบกับค่าเฉลี่ยในปี FY2565 ที่ 73 ล้านบาทต่อไตรมาส
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (ณ เวลา 12.30 น.) ราคาหุ้น AOT ปรับลดลง 0.34%DoD ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.08%DoD
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติของ AOT จะเติบโต YoY และ QoQ ใน 2QFY66 (เดือนมกราคม-มีนาคม 2566) โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยนักท่องเที่ยวจากจีนที่หลั่งไหลเข้ามาจะส่งผลทำให้จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น
จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของ AOT เพิ่มขึ้น 4%MoM ในเดือนมกราคม สู่ 57% ของระดับก่อนเกิดโควิด กำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 3QFY66 (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2566) หลังจากมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคม และ AOT กลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร
อย่างไรก็ดี InnovestX Research ยังคงประมาณการว่า ผลประกอบการของ AOT จะฟื้นตัวกลับมามีกำไรปกติ 1.5 หมื่นล้านบาท ในปี FY2566 และหลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.7 หมื่นล้านบาท ในปี FY2567 โดยอิงกับสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 54 ล้านคน ในปี FY2566 และ 76 ล้านคน ในปี FY2567 (จาก 13.9 ล้านคน ในปี FY2565)
โดยกลยุทธ์การลงทุนให้เรตติ้ง Outperform สำหรับ AOT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 82 บาทต่อหุ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ เหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ความต้องการเดินทางลดลง
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567