วันนี้ (7 กันยายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข้อมูลคนไข้ของ สธ. หลุดออกสู่สาธารณะกว่า 16 ล้านรายว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว พบว่าเกิดเหตุที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเกิดเหตุลักษณะนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกที่จังหวัดสระบุรี ได้สั่งการให้ปลัด สธ. เร่งจัดการแก้ไขปัญหาแล้ว โดยมอบหมายไปยังศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ไปตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด
เบื้องต้นทราบว่าเป็นข้อมูลทั่วไปของคนไข้ ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นความลับ แต่ทั้งนี้เมื่อเกิดเหตุเป็นครั้งที่สอง จึงต้องกำชับให้ปรับการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่างๆ ให้รัดกุมมากขึ้น พร้อมเชื่อว่าโรงพยาบาลทุกแห่งเก็บข้อมูลคนไข้แบบมีลำดับชั้นความลับอยู่แล้ว และย้ำว่าเรื่องนี้ทางสำนักงานปลัด สธ. ที่จะต้องเข้าไปแก้ไขดูแล จึงขอว่าไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไป
อนุทินยังกล่าวถึงการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ในวันที่10 กันยายนนี้ว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยให้เอกสิทธิ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคในการโหวต โดยให้ยึดหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ต่อนักการเมืองหรือพรรคการเมือง พร้อมเชื่อว่า ส.ส. ของพรรคมีวุฒิภาวะ ดุลพินิจตัดสินใจได้ว่าควรโหวตอย่างไร เพราะเรื่องของรัฐธรรมนูญไม่สามารถบังคับกันได้
อนุทินยังกล่าวอีกว่า หากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่ ทาง สธ. มีความพร้อมด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ แต่ต้องบูรณาการกับทุกภาคส่วนหาวิธีการทำงานมารองรับด้วย เช่น ด้ายความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย การสนับสนุนระหว่างหน่วยงาน โดยทั้งหมดต้องมาหารือรายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง