×

อนุทิน ชี้การพบโอไมครอนในไทย เป็นผลจากการคัดกรองที่เข้มข้น ย้ำการฉีดวัคซีนช่วยลดติดเชื้อ-ลดป่วยหนักทุกสายพันธุ์

โดย THE STANDARD TEAM
08.12.2021
  • LOADING...
อนุทิน ชาญวีรกูล

วันนี้ (8 ธันวาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โควิดในไทยขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้น วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 5,000 ราย และเสียชีวิตต่ำกว่า 50 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน 1 ราย ที่เดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนนั้น ได้นำเข้าสู่ระบบรักษา พร้อมขยายผลสอบสวนโรคผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้ทุกคนและตรวจสอบหาเชื้อ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม จะติดตามต่อเนื่องจนครบระยะการฟักตัวของโรค และในวันนี้พบหญิงไทยกลับจากประเทศไนจีเรียติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย อยู่ระหว่างการตรวจหาสายพันธุ์ 

 

ทั้งนี้ การพบผู้ติดเชื้อเป็นไปตามการคาดการณ์ในการคัดกรองผู้เดินทางก่อนเข้าประเทศ ซึ่งเมื่อพบจะนำเข้าสู่ระบบการรักษาทันที โดยกระทรวงสาธารณสุขดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง มีระบบคัดกรองที่เข้มข้น ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ไทยยอมรับครบถ้วน มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนขึ้นเครื่อง 72 ชั่วโมง และเมื่อมาถึงไทย ต้องได้รับการตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR หากผลเป็นลบจึงจะสามารถเดินทางต่อไปได้

 

อนุทินกล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์การเสียชีวิต ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 607 (หมายถึงกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง) และเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งกรมควบคุมโรคพยายามเร่งรัดการดำเนินการเพื่อหยุดวงจรการระบาด ซึ่งไม่ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์ใด วัคซีนยังช่วยป้องกันการติดเชื้อ การป่วยหนัก และเสียชีวิตได้ ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนมากเพียงพอที่จะฉีดเข็มกระตุ้นให้กับทั้งผู้ที่ได้รับ Sinovac / Sinopharm 2 เข็ม หรือได้รับ AstraZeneca 2 เข็ม ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา 

 

ดังนั้น ขอเชิญชวนผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้เข้ารับการฉีด และขอความร่วมมือปฏิบัติมาตรการอื่นๆ อย่างเข้มข้นด้วย ทั้งมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง มาตรการ COVID Free Setting และการตรวจ ATK เมื่อมีความเสี่ยง ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขดำเนินมาตรการทุกอย่างด้วยความระมัดระวังเต็มที่ ให้ประเทศเดินหน้าไปได้ด้วยความเรียบร้อยในทุกมิติ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising