วันนี้ (9 พฤษภาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิดประเทศไทย พบว่าขณะนี้สถานการณ์โควิดในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับทั่วโลก เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี ทำให้หลังสงกรานต์สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไม่มีการระบาดใหญ่ตามมา ดังนั้นที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโควิดเห็นชอบประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ
โดยการเตือนภัยโควิดระดับ 3 มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติตามคือ ยังคงให้ทุกคนงดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ปิด มีการระบายอากาศไม่ดี และสถานที่แออัด สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 อย่างผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, กลุ่มโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ 3 เข็ม ให้เลี่ยงร่วมกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และงดเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ถือเป็นข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ไม่เกี่ยวกับมาตรการบังคับ
นพ.โอภาสกล่าวต่อไปว่า สถานการณ์จริงของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มลดลงสอดคล้องกันทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของ สธ. ทำให้ขณะนี้มีจังหวัดที่เข้าสู่ระยะทรงตัว 23 จังหวัด และสถานการณ์ดีขึ้นอยู่ในระยะขาลง 54 จังหวัด
ทั้งนี้ขอให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น เพื่อการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน โดยเดินหน้ามาตรการ 2U คือ Universal Prevention ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง และ Universal Vaccination โดยเน้นให้กลุ่ม 608 รับเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% และเน้นเรื่อง 3 พอ คือ เตียงพอ ยาพอ และหมอพอ
“ความร่วมมือของประชาชนและวัคซีนเข็มกระตุ้นมีความสำคัญมาก ตอนนี้วัคซีนในหลายพื้นที่มีเพียงพอ สามารถวอล์กอินเข้าไปฉีดได้เลย และขอย้ำว่าหากฉีดครบ 2 เข็มแล้ว ให้เข้ารับเข็มกระตุ้นเข็ม 3 ต่อได้ทันที เพื่อช่วยกันเดินหน้าเข้าผลักดันโควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่นต่อไป” นพ.โอภาสกล่าว