เยอรมนียุติภาวะสุญญากาศทางการเมืองที่ดำเนินมานานกว่า 5 เดือน โดยที่ อังเกลา แมร์เคิล จะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีเป็นสมัยที่ 4 อย่างเป็นทางการ หลังพรรคประชาธิปไตยสังคม (SPD) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมแบบ ‘Grand Coalition’ กับพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ของแมร์เคิล
พรรค CDU ของแมร์เคิลชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา แต่สูญเสียเก้าอี้ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร (Bundestag) จำนวน 65 ที่นั่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ และต้องจับขั้วกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อฟอร์มรัฐบาลผสม โดยก่อนหน้านี้พรรค CDU พยายามเจรจากับพรรคประชาธิปไตยเสรี (FDP) และพรรคกรีนเพื่อตั้งรัฐบาลผสมแบบไตรภาคี หรือ ‘Jamaica Coalition’ แต่ก็ไม่สำเร็จ จนท้ายที่สุดต้องหันมาเจรจาฟอร์มรัฐบาลกับพรรค SPD ในลักษณะ Grand Coalition อีกครั้ง แต่การเจรจาก็ดำเนินยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมกราคม เนื่องจากพรรค SPD เองก็ไม่พอใจที่เสียเก้าอี้ ส.ส. ไปมาก และกล่าวโทษพรรค CDU ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คะแนนนิยมพรรคตกต่ำหลังจากที่ฟอร์มรัฐบาลผสมร่วมกันครั้งก่อน
โอลาฟ ไชลซ์ รักษาการตำแหน่งประธานพรรค SPD ประกาศว่าทางพรรคจะจับมือจัดตั้งรัฐบาลใหม่กับพรรค CDU หลังจากที่สมาชิกพรรค SPD ได้โหวตเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 66% โดยที่การนับคะแนนดำเนินต่อเนื่องไปถึงช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ของพรรคในกรุงเบอร์ลิน
การจัดตั้งรัฐบาล Grand Coalition ครั้งนี้ ทำให้พรรค CDU ต้องยอมสละเก้าอี้รัฐมนตรี 6 กระทรวงให้กับพรรค SPD รวมถึงกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศด้วย โดยมาร์ติน ชูลซ์ อดีตประธานพรรคได้แสดงความประสงค์ที่จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ได้ล้มเลิกแผนการดังกล่าวในเวลาต่อมา เนื่องจากภายในพรรคมีการถกเถียงถึงการสรรหาตัวผู้ที่เหมาะสม
ทั้งนี้หลังจากพรรค SPD จับมือกับ CDU จะทำให้พรรคทางเลือกของเยอรมนี (AfD) ซึ่งได้คะแนนเสียง 12.6% ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก้าวขึ้นมาเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักแทน
อ้างอิง:
