แม้ก่อนหน้านี้สมาร์ทโฟนในตระกูลแอนดรอยด์หลายๆ รุ่นจะเริ่มนำเทคโนโลยีแบบไบโอเมตริกซ์อย่างการปลดล็อกด้วยใบหน้าเข้ามาใส่เป็นฟีเจอร์ในตัวโทรศัพท์อยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ทำให้มันดูจะไม่ได้รับความนิยมและความชื่นชอบจากฝั่งผู้บริโภคมากเท่าที่ควร
จนกระทั่งค่ายคู่แข่ง ‘Apple’ ได้ทำการเปิดตัว iPhone X สมาร์ทโฟนที่หยิบเอาเทคโนโลยีการปลดล็อกด้วยใบหน้าหรือ Face ID มาใส่ในตัวเครื่องได้อย่างน่าสนใจ เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็มีข่าวลือว่าค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในตระกูลแอนดรอยด์หลายค่ายอาจพิจารณาติดตั้งฟีเจอร์นี้ลงไปในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของพวกเขาที่จะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้
เว็บไซต์ DIGITIMES สื่อจากประเทศจีนรายงานว่าได้รับข้อมูลการสั่งจองอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์จากบรรดาผู้ผลิตเทคโนโลยีที่ใช้ในการสแกนใบหน้าและซัพพลายเออร์จากบริษัทต่างๆ เช่น Largan Precision, Sunny Optical, Orbbec และ Himax พร้อมคาดการณ์ว่าปี 2018 ที่จะถึงนี้ ค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในประเทศอย่าง Huawei, Oppo และ Xiaomi อาจพิจารณานำเทคโนโลยีการปลดล็อกด้วยใบหน้าใส่ลงไปในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงรุ่นใหม่ๆ
ด้านเว็บไซต์ TechRadar ให้ความเห็นพร้อมข้อมูลเพิ่มเติมว่า Samsung อาจผละจากระบบการปลดล็อกด้วยม่านตาหรือ Iris Scan มาใช้ระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ 3D Sensor ตั้งแต่ปีหน้าในรุ่น Galaxy S9 เป็นต้นไป
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ขจร เจียรนัยพานิชย์ แฟนพันธุ์แท้สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ macthai.com และ mangozero.com เคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ไว้ว่า การที่ Apple เปิดตัวฟีเจอร์การปลดล็อกด้วยใบหน้าหรือ Face ID ออกมา ก็ไม่ต่างจากการตั้งมาตรฐานให้วงการโทรศัพท์มือถือต้องทำตามให้ได้
“จริงอยู่ที่ค่ายอื่นๆ อาจจะทำเหมือนกัน (ระบบการสแกนใบหน้า) แต่เขาอาจจะไม่ได้ทำออกมาละเอียดเป็น 3 มิติเหมือนที่ Apple ทำ ผมเชื่อว่าพอ Apple ทำระบบนี้ออกมา ต่อไปมันก็จะกลายเป็นมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมนี้เหมือนกับตอนที่ Apple พัฒนาระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID) ออกมา ที่ทุกคนก็ทำตามกันหมด เช่นเดียวกับผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ Siri มันเหมือนกับว่าพอ Apple ปล่อยฟีเจอร์อะไรออกมา ก็เป็นการเซตมาตรฐานให้ทุกคนต้องทำให้ได้ ซึ่งในรอบนี้ก็ถือว่าเป็นการเซตมาตรฐานตัวเองที่สูงมากสำหรับฟีเจอร์ Face ID”
อ้างอิง:
