×

วิเคราะห์อนาคต ‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ หลังปรับโครงสร้างถือหุ้น พร้อมความเสี่ยงถูกเทขายจากรายย่อยฮ่องกง

02.01.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • หุ้นเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (KEX) พุ่งกว่า 20% แตะระดับ 6.40 บาท ทำจุดสูงสุดรอบเกือบ 3 เดือน
  • ปีก่อนราคาหุ้นเคอรี่ร่วงลงมามากกว่า 70% จากเกือบ 20 บาท เหลือเพียง 4-5 บาท 
  • แรงหนุนต่อราคาหุ้นวันนี้มาจากการประกาศปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย SF Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์จีนจะเข้ามาถือหุ้นโดยตรง หลังจากที่ SF Holdings เข้าซื้อเคอรี่ (ฮ่องกง) ตั้งแต่ 2 ปีก่อน
  • SF Holdings ประกาศจะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของเคอรี่ (KEX) ที่ราคา 5.50 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาปิดของ KEX ก่อนหน้านี้ที่ 4.94 บาท 
  • ศรัณย์ ชินวรรณโณ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่า หุ้นเคอรี่ที่จะถูกกระจายไปยังนักลงทุนรายย่อยฮ่องกง เป็นความเสี่ยงที่หุ้นเคอรี่อาจถูกเทขายหลังจากนี้
  • แนวโน้มผลประกอบการของเคอรี่น่าจะดีขึ้นในปีนี้ แต่ภาพรวมยังเป็นการขาดทุนต่อเนื่อง

หนึ่งในหุ้นร้อนแรงของวันทำการแรกปี 2567 ของตลาดหุ้นไทย คือ KEX หรือ บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ซึ่งราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 20% ไปแตะระดับ 6.40 บาท สูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน 

 

ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นวันนี้ (2 มกราคม) สวนทางกับทิศทางของราคาเมื่อปี 2566 ค่อนข้างชัดเจน โดยราคาหุ้นเมื่อปีก่อนร่วงลงมากว่า 70% จากราคาเกือบ 20 บาท ลดลงไปต่ำสุดถึง 3.86 บาท ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่บริเวณ 5-6 บาทในปัจจุบัน

 

แรงหนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไรหุ้นเคอรี่ในวันนี้ คือเรื่องของการประกาศปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด (Tender Offer) ที่ราคา 5.50 บาท  

 

เดิมทีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของเคอรี่คือ บริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (KLNTH) ถือหุ้น 52.06% แต่หากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สำเร็จลุล่วง บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) จะขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 26.8% 

 

ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของเคอรี่ในครั้งนี้ SF International Holdings บริษัทด้านโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ของจีน และเป็นบริษัทแม่ของ SFTH มีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทางอ้อมของเคอรี่อยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ SF International Holdings เข้าไปซื้อหุ้นของ Kerry Logistics Network (KLN) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเคอรี่ที่ฮ่องกงตั้งแต่ปี 2564 

 

ล่าสุด KLN ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลพิเศษแบบมีเงื่อนไข โดยจะจ่ายด้วยหุ้น KEX ทั้งหมดที่ถืออยู่ให้กับผู้ถือหุ้นของ KLN ซึ่งรวมถึง SF International Holdings ที่ถือหุ้นอยู่ 51.5% และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ ที่ส่วนมากเป็นชาวฮ่องกง

 

การที่ SFTH จะเข้ามาถือหุ้น KEX เข้าข่ายเป็นการครอบงำกิจการ ทำให้ SFTH จำเป็นจะต้องทำ Tender Offer และราคาที่ประกาศออกมานั้นก็สูงกว่าราคาปิดของ KEX ก่อนหน้านี้ที่ 4.94 บาท จนทำให้หุ้น KEX พุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงในวันนี้

 

อนาคตของเคอรี่จะเปลี่ยนไปหรือไม่

 

แม้ราคาหุ้นเคอรี่จะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในวันนี้ แต่ในมุมมองของ ศรัณย์ ชินวรรณโณ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ประเมินว่านี่คือจังหวะในการขายมากกว่าการเข้าไปไล่ซื้อ

 

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของเคอรี่มีสัดส่วนการถือหุ้นน้อยลง พร้อมกับมีนักลงทุนรายย่อยเข้ามามากขึ้น และหากราคาหุ้นเคอรี่ลอยอยู่สูงกว่า 5.50 บาท นักลงทุนก็อาจใช้สิทธิขายหุ้นให้กับ SF Holdings น้อยลง

 

“ถ้ามองภาพหุ้นเคอรี่ตอนเช้าเหมือนจะเป็นบวก ช่วงที่ราคายังต่ำกว่าราคา Tender Offer แต่ตอนนี้ผ่านไปแล้ว” 

 

ขณะที่ความเสี่ยงสำคัญต่อหุ้นเคอรี่คือ แรงเทขายที่อาจเกิดขึ้นโดยนักลงทุนรายย่อยในฮ่องกง ซึ่งได้รับหุ้นเคอรี่จากการจ่ายปันผลในครั้งนี้ 

 

“หลังจากการปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ หุ้นอีก 25% ที่เข้าไปยังรายย่อยในฮ่องกงกลุ่มนี้อาจเลือกขายหุ้นเคอรี่และเปลี่ยนเป็นเงินสดแทน ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้นในช่วงหลังจากนี้” 

 

ก่อนหน้านี้ SF International Holdings เริ่มเข้ามามีบทบาทกับการบริหารเคอรี่บ้างแล้ว ทั้งการส่งผู้บริหารชาวจีนเข้ามาร่วมดูธุรกิจในไทย รวมทั้งการนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ของ SF Holdings เข้ามาปรับใช้

 

เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จึงยังไม่น่าจะเห็นการเปลี่ยนในเรื่องของธุรกิจมากนัก

 

แนวโน้มผลประการเคอรี่ ปี 2567

 

ศรัณย์กล่าวต่อว่า แนวโน้มผลประกอบการของเคอรี่ในปีนี้น่าจะเห็นผลการขาดทุนค่อยๆ ลดลง และในไตรมาส 4 ของปีนี้ การขาดทุนน่าจะลดลงไปเหลือประมาณ 20 ล้านบาท 

 

หากมองภาพทั้งปีนี้ คาดว่าเคอรี่จะมีผลขาดทุนสุทธิ 977 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 3.4 พันล้านบาท โดยไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ผลขาดทุนน่าจะลดลงเล็กน้อยเป็นประมาณ 700 ล้านบาท 

 

“ผลงานไตรมาส 4 ของเคอรี่ดีขึ้นเล็กน้อยจากปัจจัยฤดูกาล และแผนการปรับสัดส่วนลูกค้ามาเน้น C2C มากขึ้น รวมทั้งการลดต้นทุน เช่น ปิดศูนย์กระจายสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ และลดจำนวนรถขนส่ง” 

 

ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เคอรี่ควรจะทำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ คือการนำหุ้นออกไปจากตลาด เนื่องจากการจดทะเบียนในตลาดทำให้บริษัทไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งความจำเป็นที่ต้องเปิดเผยข้อมูล 

 

สิ่งที่น่าสังเกตจากประกาศล่าสุดของบริษัทคือ การที่ SFTH ยืนยันว่าไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ การประกอบธุรกิจหลัก ทรัพย์สินหลัก แผนการบริหารจัดการธุรกิจ แผนการลงทุน การบริหารจัดการ โครงสร้างทางการเงิน หรือนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ภายในระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อ 

 

ขณะเดียวกัน SFTH ไม่มีความตั้งใจที่จะเพิกถอนหลักทรัพย์ของกิจการออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในระยะเวลาดังกล่าว แต่ก็มีการวงเล็บไว้ว่า “เว้นแต่กฎหมาย และ/หรือ หลักเกณฑ์ กฎระเบียบจะกำหนดเป็นอย่างอื่น” 

 

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้บริหารของเคอรี่ที่ผ่านมาในอดีต ยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะนำหุ้นเคอรี่ออกจากตลาดแต่อย่างใด 

 

สิ่งที่ต้องติดตามสำหรับเคอรี่หลังจากนี้คือ การพลิกฟื้นกำไรจะทำได้เร็วเพียงใด หลังจากที่บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิติดต่อกันถึง 8 ไตรมาส โดยเฉพาะช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เคอรี่มีผลขาดทุนมากถึงปีละ 2-3 พันล้านบาท

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising