ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA หนึ่งในหุ้นที่ผันผวนมากที่สุดในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา โดยราคาหุ้น DELTA วิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 838 บาท เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะร่วงกลับลงมาแตะระดับ 400 บาทอีกครั้งในวันนี้ (29 ธันวาคม 2563) ส่งผลให้มูลค่าของหุ้น DELTA ที่เคยขึ้นไปแตะระดับ 1 ล้านล้านบาท (สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของตลาดหุ้นไทย) ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ราว 5 แสนล้านบาท
จากราคาปิดเมื่อปีก่อน ราคาหุ้น DELTA ปรับขึ้นสูงสุด 1,466% แต่หากคำนวณจากจุดต่ำสุดที่ 27 บาท ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น DELTA เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 3,000% ส่วนการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นตลอดทั้งปีนี้ โดยคำนวณจากราคาปิดล่าสุดที่ 438 บาท เพิ่มขึ้น 718%
ด้วยราคาหุ้นที่ปรับขึ้นอย่างเร็วและแรง ทำให้สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ได้เชิญนักวิเคราะห์ 2 ราย มาร่วมวิเคราะห์พื้นฐานและแนวโน้มของหุ้น DELTA
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ปัจจัยหนุนราคาหุ้น DELTA ให้ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้มาจาก 2 ปัจจัย คือ
1. หุ้น DELTA อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นเมกาเทรนด์ของโลก คือการก้าวเข้าสู่ 5G ซึ่งไม่เพียงแค่เฉพาะอุตสาหกรรมสื่อสารเท่านั้น แต่ยังมีความต้องการจากอุตสาหกรรมอื่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปปรับใช้ ซึ่งธุรกิจของ DELTA ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาครั้งนี้
2. การที่หุ้น DELTA ถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2564 ทำให้มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาหนุน โดยกองทุนที่อิงดัชนี (Passive Fund) จะต้องเข้าลงทุนใน DELTA รวมกันราว 3.37 พันล้านบาท ภายใน 30 ธันวาคม 2563 ประกอบกับสภาพคล่องของหุ้นที่ค่อนข้างต่ำ
“เท่าที่ตรวจสอบ นักลงทุนสถาบันในประเทศไม่ได้รอเข้าซื้อหุ้น DELTA ทีเดียวในวันสุดท้าย แต่ได้ทยอยเข้าซื้อเพื่อปรับน้ำหนักการลงทุนล่วงหน้าพอสมควร แต่เมื่อหมดช่วงนี้ไปแล้วเชื่อว่าจะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา ส่วนหลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการในอนาคตของบริษัท หากมีปัจจัยเชิงบวกมากๆ ก็อาจจะทำให้นักลงทุนหรือกองทุน Active Fund เข้ามาได้ แต่ด้วยราคาปัจจุบัน Active Fund มองว่าค่อนข้างแพง”
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบมูลค่า (Market Cap.) ของ DELTA กับบริษัทแม่ คือ Delta Electronics ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไต้หวัน ซึ่งมีมูลค่าราว 7 แสนล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมามูลค่าของ DELTA ขึ้นไปสูงกว่าบริษัทแม่ ในขณะที่มีรายได้คิดเป็นเพียงประมาณ 25% ของบริษัทแม่ สะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้น DELTA ซื้อขายในระดับที่แพงเกินไป
ปัจจุบันราคาพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ให้ไว้สูงสุดสำหรับ DELTA อยู่ที่ 263 บาท โดยนักวิเคราะห์คาดว่า DELTA จะทำกำไรปีหน้าได้ประมาณ 8 พันล้านบาท (9 เดือน ปี 2563 ทำได้ 5.5 พันล้านบาท) คิดเป็น P/E 77 เท่า ในปี 2564 แต่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 37 เท่า ในเชิงปัจจัยพื้นฐานจึงไม่ควรเข้าซื้อลงทุนแล้ว โดย Consensus แนะนำขายทั้งหมด
ด้าน เอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ หุ้น DELTA ได้แรงหนุนจากความคาดหวังต่อการเติบโตไปตามอุตสาหกรรม Data Center และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตโดดเด่น ทำให้กำไรของบริษัทในปี 2564 จะยังเติบโตได้ 15.2% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 127.1%
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาเร็วและแรงในปีนี้ตอบรับความคาดหวังเชิงบวกไปค่อนข้างมาก ทำให้ราคา DELTA ซึ่งปิดที่ 560 บาท เมื่อ 28 ธันวาคม 2563 คิดเป็น P/E 80 เท่า และ P/BV 16 เท่า สำหรับปี 2564
“หากนักลงทุนต้องการเข้าลงทุนในหุ้น DELTA ควรระมัดระวังในการลงทุน แต่ในส่วนปัจจัยพื้นฐาน เรายังแนะนำขาย เพราะราคาหุ้นเกินมูลค่าพื้นฐานที่ประเมินไว้ 150 บาท สำหรับปี 2564 ไปสูงมาก”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล