วันนี้ (10 สิงหาคม) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และนักกิจกรรม นำ 4,701 รายชื่อของประชาชนในประเทศไทย ที่ร่วมเรียกร้องผ่านปฏิบัติการด่วนของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มอบให้กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมี วัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นตัวแทนรับรายชื่อแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เรียกร้องให้ปล่อยตัว ยกเลิกข้อกล่าวหา และคืนสิทธิในการประกันตัวให้กับนักกิจกรรมที่กำลังถูกควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาคดี และขอให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ
ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางการไทยได้มีการปราบปรามอย่างกว้างขวางต่อการชุมนุมโดยสงบ และการอภิปรายทางออนไลน์ นับแต่เริ่มมีการชุมนุมเรียกร้องการปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตยที่มีความสงบเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เจ้าหน้าที่ยังใช้กฎหมายที่มีเนื้อหาคลุมเครือเกี่ยวกับความมั่นคง สถาบันกษัตริย์ และความผิดด้านคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือเพื่อการปราบปราม และได้ตีความว่าการใช้สิทธิอย่างสงบเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อย หรือเป็นความผิดต่อสถาบันกษัตริย์ และต่อมาได้ดำเนินคดีอาญากับนักกิจกรรม ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขาได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
ปิยนุชยังระบุอีกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รณรงค์เพื่อรวบรวมรายชื่อภายใต้ปฏิบัติการด่วนที่มีการรณรงค์ไปทั่วโลก เรียกร้องให้ปล่อยตัว 2 นักกิจกรรมที่อดอาหารประท้วง ทั้ง บุ้ง-เนติพร เสน่ห์สังคม และ ใบปอ-ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ เพื่อเรียกร้องสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว โดยทั้งคู่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 และได้รับการปล่อยตัววันที่ 4 สิงหาคม 2565 ทางการได้ดำเนินคดีอาญากับทั้ง 2 คน ที่ถึงแม้จะได้รับสิทธิในการประกันตัวแล้ว แต่ผลจากการอดอาหารประท้วงเป็นเวลา 64 วัน ส่งผลให้ร่างการได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ ซึ่งในตอนนี้ยังคงต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ในขณะที่ ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ถึงแม้จะได้รับการประกันตัวมาก่อนหน้านี้ แต่ยังถูกกักตัวในบ้าน 24 ชั่วโมง จากการทำโพลสำรวจความคิดเห็นในที่สาธารณะ
“แกนนำผู้ชุมนุมประท้วงยังมักถูกควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาโดยพลการเป็นเวลาหลายเดือน ส่งผลกระทบต่อสิทธิด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพของพวกเขา ปัจจุบันศาลยังได้กำหนดเงื่อนไขประกันตัวที่เข้มงวดมากขึ้น เท่ากับเป็นการจำกัดอย่างยิ่งต่อสิทธิมนุษยชนที่จะมีเสรีภาพในการเดินทาง การแสดงออก และการชุมนุมโดยสงบ รวมทั้งข้อกำหนดให้พำนักอาศัยอยู่แต่ในบ้านนานถึง 24 ชั่วโมงต่อวัน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นต้องรับการรักษาพยาบาล และให้ติดกำไล EM 24 ชั่วโมงต่อวัน
“ในระหว่างปี 2565 ทางการไทยได้ดำเนินคดีอาญากับผู้ชุมนุมเนื่องจากการเคลื่อนไหวโดยสงบ เจ้าหน้าที่ยังใช้การคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมมากขึ้นกับบุคคลที่เข้าร่วมในกิจกรรม ซึ่งทางการมองว่าเป็นการแสดงความเห็นต่าง รวมทั้งคนที่เป็นเด็ก และมีการใช้มาตรการต่างๆ มากขึ้นเพื่อปิดกั้นการแสดงความเห็นต่อสาธารณะและการชุมนุมโดยสงบ และยังได้กำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดเพื่อควบคุมสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ” ปิยนุชกล่าว
ทั้งนี้ ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลไทย ดังต่อไปนี้
- ปล่อยตัว และ/หรือยกเลิกข้อกล่าวหา และให้ยกเลิกเงื่อนไขประกันตัวที่เข้มงวดเกินกว่าเหตุโดยทันทีต่อบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมาย เพียงเพราะใช้สิทธิของตนโดยสงบ และให้ยกเลิกการดำเนินคดีอาญาใดๆ ต่อนักกิจกรรม
- ในระหว่างรอการปล่อยตัวบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายเพียงเพราะการใช้สิทธิของตนโดยสงบ ให้การประกันว่าบุคคลเหล่านั้นสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างเหมาะสม
- แจ้งต่อเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ