ลงทุนทำ Airbnb ดีจริงไหม? พาไปดูที่พักที่ไม่คิดว่าจะมีบน Airbnb

แม้จะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าเราอยู่ในยุคหลังโควิด แต่ก็มีหลายปรากฏการณ์ที่เริ่มแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้ โดยเฉพาะในแง่ชีวิตการทำงานที่การทำงานที่บ้าน (Work from Home), การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) หรือการทำงานจากระยะไกล (Remote Working) ทิ้งร่องรอยเอาไว้ กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่มนุษย์ออฟฟิศโหยหา รวมถึงการลาออกครั้งยิ่งใหญ่ (Great Resignation) ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ แค่เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็มีคนลาออกจากงานถึง 4 ล้านคนเข้าไปแล้ว

จุดบรรจบของสองเทรนด์นี้ คำตอบอาจอยู่ที่การสร้างที่พักให้เช่าบนแพลตฟอร์ม Airbnb หากคุณมีแพสชันในการเดินทาง และมีประสบการณ์มากพอจนอยากเนรมิตที่พักที่ตอบโจทย์นักเดินทาง

ว่าแต่…มันจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ลองไปดูกัน!

Airbnb เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2008 ระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มนี้มีมูลค่าสูงถึง 3.7 ล้านล้านบาท สร้างรายได้ให้กับโฮสต์หรือเจ้าของที่พักเฉลี่ยราว 325,000 ต่อปี ผู้เข้าพักทั่วโลกราว 2 ล้านคนต่อคืน แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด เมื่อเดือนมกราคม-พฤษภาคม ปี 2020 จะมียอดการเข้าพักลดลงถึง 48.6% แต่ราคาห้องพักในสหรัฐอเมริกาก็ยังปรับตัวสูงขึ้น ส่วนในปี 2017 จำนวน 81% ของการเข้าพัก มาจากห้องหรือบ้านเช่าทั้งหลัง และยังมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ

ข้อดีของการเปิดเช่าแบบ Airbnb ก็คือ การหาผู้เช่าได้ง่ายกว่าและอาจทำรายได้มากกว่า โดยมีรายงานจาก FortuneBuilders ว่า ห้องพักของ Airbnb ที่บริหารอย่างมีประสิทธิภาพ จะสร้างรายได้มากกว่า 2-3 เท่าของการปล่อยเช่าระยะยาวที่ไม่มีการตกแต่งใดๆ ในขณะเดียวกันการหมุนเวียนของรายได้ก็ดีกว่า ลดความเสี่ยงในกรณีผู้เช่าในระยะยาวไม่มีเงินจ่ายหรือย้ายออกกะทันหัน ซึ่งอาจทำให้เจ้าของที่พักเสียรายได้ไประยะหนึ่ง

แต่ในขณะเดียวกันเจ้าของห้องพักแบบ Airbnb ก็จะต้องลับสมองแก้ปัญหาที่หลากหลายกว่าตามจำนวนผู้เช่าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นกิจการที่สร้าง Passive Income ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะต้องดูแลบริหารทั้งในเรื่องความสะอาด ทำการตลาด ลงทุนเรื่องการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ซ่อมบำรุง ในข้อนี้ถือเป็นข้อดีที่จะได้จำกัดวงความเสียหายได้ดีกว่าการเช่าระยะยาว เพราะต้องตรวจเช็กในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อผู้เช่าย้ายออก

เรื่องทำเลที่ตั้งก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ คือต้องอยู่ในทำเลที่น่าตื่นเต้น เช่น ใกล้ตัวเมือง ใกล้สนามกีฬาหรือสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมักจะมีราคาสูง ข้อสำคัญคือ ต้องตรวจเช็กข้อกฎหมายต่างๆ รวมทั้งกฎของที่พักอาศัยว่าอนุญาตให้ปล่อยเช่าแบบรายวันด้วยหรือเปล่า ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นหากปล่อยเช่าระยะยาว นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงปริมาณของนักท่องเที่ยวในเมืองที่คุณคิดจะลงทุนว่าหมุนเวียนตลอดทั้งปีหรือไม่ เพราะจะช่วยเรื่องปรับราคาขึ้นลงตามช่วงไฮซีซันหรือโลว์ซีซัน และคำนวณรายรับรายจ่ายในกรณีต้องซ่อมบำรุงได้ด้วย

ส่วนในแง่การทำการตลาดก็ต้องเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเป็นใคร ชอบหรือไม่ชอบอะไร เช่น หากกลุ่มเป้าหมายคือครอบครัว ก็ต้องแน่ใจว่าขนาดพื้นที่เหมาะสมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงอยู่ในนั้น และควรใส่กลยุทธ์การตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เช่น การวางนามบัตรไว้ตามจุดบริการต่างๆ เช่น ร้านอาหารในท้องถิ่น บริษัทรถเช่าอื่นๆ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และนอกจากการสร้างช่อง YouTube โพสต์บน Instagram และสร้างเพจ Facebook แล้ว การส่งจดหมายข่าวผ่านอีเมลเกี่ยวกับกิจกรรมในพื้นที่ของคุณ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ และข้อเสนอพิเศษ ก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้เกิดการใช้บริการซ้ำหรือแนะนำที่พักของคุณให้กับแขกคนอื่นๆ โดยลูกค้าเก่า เป็นต้น

6 ปราสาทและเกาะส่วนตัวที่คุณเข้าพักได้บน Airbnb

ปัจจุบันรายชื่อที่พักบน Airbnb มีอยู่ราวๆ 5.6 ล้านแห่งใน 1 แสนเมืองทั่วโลกในรูปแบบทั่วไปหรือแบบแปลกๆ เช่น ประภาคาร, บ้านต้นไม้, เรือ, กระโจม, กระท่อมน้ำแข็ง (Igloos) หรือแม้กระทั่งที่พักหรูอย่างเกาะส่วนตัวที่มีให้เลือกถึง 1,600 แห่ง และปราสาท 3,500 แห่ง ซึ่งนี่คือหนึ่งในจำนวนนั้น

El Nido, Philippines ราคาเริ่มต้นประมาณ 3,300 ต่อคนต่อคืน

เป็นเจ้าของเกาะส่วนตัวเป็นเวลา 1 คืน ด้วยราคาย่อมเยาเพียงราวๆ 3,300 บาทต่อคนต่อคืน (เข้าพักขั้นต่ำ 4 คน 2 คืนขึ้นไป) สามารถเข้าพักได้สูงสุด 12 คน ในบ้านพัก 7 ห้องนอน มีบริการอาหาร 3 มื้อต่อวัน พนักงานทำความสะอาดและกิจกรรมดำน้ำ พายเรือคายัก หรือจะเลือกเดินป่าสำรวจรอบๆ เกาะ ก็ทำได้ เหมาะมากสำหรับใครที่อยากปลีกวิเวกท่ามกลางชายหาดขาวๆ และน้ำทะเลใสๆ

Monselice, Italy ราคาเริ่มต้นประมาณ 7,000 บาทต่อคืน

ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของปราสาททั้งหลัง แต่ที่นี่ก็มีห้องพักของ Airbnb จำนวน 5 ห้อง ให้คุณได้ลองประสบการณ์พักผ่อนในปราสาทจากศตวรรษที่ 19 ในอิตาลีได้ ภายในห้องประกอบไปด้วย ครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และอ่างแช่ตัว อีกทั้งยังเอ็นจอยไปกับพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ มีไวน์บาร์และอ่างนำ้ร้อนกลางแจ้งไว้คอยบริการอีกด้วย

Bird Island, Belize ราคาเริ่มต้นประมาณ 23,000 บาทต่อคืน

เป็นเจ้าของอะตอล (เกาะปะการัง) ส่วนตัวในหมู่เกาะเบลิซได้ง่ายๆ ที่ Bird Island มีลานหน้าบ้านให้คุณได้นอนอาบแดด ชมความสวยงามของอ่าวเม็กซิโก และอาจมีนกพิลิแกนบินมาทักทายถึงหน้าบ้าน มีห้องพัก 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และกิจกรรมทางน้ำต่างๆ มากมายไว้คอยบริการ

Todi, Italy ราคาเริ่มต้นประมาณ 40,000 บาทต่อคืน

ปราสาทจากศตวรรษที่ 12 สูง 5 ชั้นแห่งนี้ มีห้องพักจำนวน 6 ห้อง ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ระหว่างโรมและฟลอเรนซ์ให้คุณเลือกพักผ่อน สัมผัสบรรยากาศชนบทของอิตาลีสักคืน ด้านในยกเพดานสูงให้แสงธรรมชาติเข้าถึง ไม่อึมครึมน่ากลัวเหมือนปราสาททั่วๆ ไป ทีเด็ดอยู่ตรงที่มีโบสถ์จากศตวรรษที่ 18 อยู่ในบริเวณของปราสาทด้วย เหมาะมากถ้าอยากมาแต่งงานแบบอิตาเลียนที่นี่

Fort Morgan Cay, Honduras ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,500 บาทต่อคนต่อคืน

ที่พักสุดหรูบนเกาะส่วนตัว ณ ทะเลแคริบเบียน ขนาด 40 เอเคอร์ บริการอาหาร 3 มื้อต่อวัน รองรับผู้เข้าพักได้ตั้งแต่ 8-20 คนในที่พัก 7 ห้องนอน พร้อมกิจกรรมต่างๆ ทั้งการล่องเรือ ดำน้ำตื้น แพดเดิลบอร์ด และวอลเลย์บอลชายหาด ระยะเวลาการเข้าพักขั้นต่ำ 3 คืน

Kilmartin, Scotland ราคาเริ่มต้นประมาณ 53,000 บาทต่อคืน

เข้าพักในปราสาทให้เหมือนซีรีส์ Game of Thrones ที่สกอตแลนด์ ซึ่งจะพาคุณย้อนไปยังศตวรรษที่ 16 ด้วยเตาผิงแบบโบราณ กำแพงหิน คานไม้ซุงขนาดใหญ่ มีบริการเชฟท้องถิ่นให้ได้สัมผัสประสบการณ์ชาวสกอตที่แท้จริงอีกต่างหาก

อ้างอิง: