วันนี้ (25 มกราคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า พบว่าทางร้านนำเครื่องฟอกอากาศหลายแบบหลายขนาดมาตั้งวางที่ด้านหน้าสุดของร้าน เพื่อให้ลูกค้าเลือกชมสินค้าอย่างสะดวก
เนื่องด้วยตลอดทั้งวันมีลูกค้าเป็นจำนวนมากเข้ามาสอบถามและต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศ เพื่อป้องกันตัวเองและครอบครัวจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร ที่ขณะนี้มีค่าสูงจนเข้าเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ และยังมีแนวโน้มที่ค่าฝุ่นจะสูงต่อเนื่อง
ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ระหว่างวันที่ 25-27 มกราคม 2568 ระบุว่า ยังคงมีแนวโน้มเกินเกณฑ์มาตรฐานหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งสถานการณ์จะบรรเทาลงหลังวันที่ 27 มกราคม เนื่องจากอัตราการระบายอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น ลมที่ค่อนข้างแรง และสภาพอุตุนิยมวิทยาที่เอื้อต่อการระบายฝุ่นละอองมากยิ่งขึ้น
แพทยสภาแนะนำแนวทางการเลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับฝุ่น PM2.5 ดังนี้
- เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA (High-Efficiency Particulate Air) Filter ซึ่งสามารถกรองอนุภาคที่มีขนาด 0.3 ไมครอนได้อย่างน้อย 99.97% เพราะจะสามารถกรองฝุ่น PM2.5, เกสร, เชื้อรา, แบคทีเรีย, ฝุ่นทั่วไป และมลพิษต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศได้
- คำนวณขนาดห้อง เพื่อเลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม วิธีการคือคำนวณพื้นที่ห้องเป็นตารางเมตร (ตร.ม.) เลือกเครื่องฟอกอากาศที่รองรับได้มากกว่าพื้นที่ห้องที่คำนวณได้ เช่น พื้นที่ห้อง 20 ตร.ม. ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่รองรับพื้นที่อย่างน้อย 25-30 ตร.ม. เพื่อให้การฟอกอากาศได้ประสิทธิภาพที่ดี
หากเป็นห้องที่ต้องเปิด-ปิดบ่อย เช่น ร้านค้า สถานบริการ ควรเพิ่มขนาดเครื่องฟอกอากาศ เพื่อให้สามารถฟอกได้ทันกับฝุ่นที่เข้ามาจากการเปิด-ปิดประตูบ่อยๆ
- พิจารณาค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) โดยค่า CADR คือค่าที่แสดงถึงปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่เครื่องฟอกอากาศผลิตได้ ค่ายิ่งสูงยิ่งดี จะใช้ค่า CADR ของควัน (Smoke) ในการคำนวณ เนื่องจากใช้เวลานานที่สุดในการกรอง
วิธีการคำนวณคือ 12 x พื้นที่ห้อง (ตร.ม.) เช่น พื้นที่ห้อง 20 ตร.ม. ค่า CADR = 20 x 12 = 240 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (m³/ h) ดังนั้นควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR อย่างน้อย 240 m³/ h
- ค่าความเร็วลม (Air Flow) คือค่าที่แสดงความสามารถของเครื่องฟอกอากาศในการกรองและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วมากน้อยแค่ไหน
- ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องฟอกอากาศระบบผลิตโอโซน (Ozone Generator) เนื่องจากโอโซนปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ตา และปอด โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงวัย และผู้ป่วยโรคหอบหืด
- เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์เครื่องฟอกอากาศ เพราะถ้าฟิลเตอร์หมดอายุการใช้งานจะไม่สามารถดักจับฝุ่นหรือฟอกอากาศได้ การเปิดเครื่องฟอกอากาศจะเหมือนแค่การเปิดพัดลม