×

ทุกคำตอบจบที่คำว่า ‘ทำไม’ ‘มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร’ กับเหตุผลที่เขาหันมาดูแลสุขภาพ

12.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • ล้วงเบื้องลึกการดูแลตัวเองของชายหนุ่มล่ำบึ้กผู้รักสุขภาพ มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร จากรายการ The Face Men Thailand ก่อนที่เขาจะมาเดินทางมาสู่ความล่ำและฟิตที่โลกรู้จัก สุดท้ายแล้วคำตอบของคำถามทั้งหมดจบที่คำว่า ‘ทำไม’

เรารู้จักผู้ชายผิวแทนหน้าหยก นัยน์ตาชวนหลง กับเรือนร่างที่แม้ความสูงจะเป็นเรื่องรอง แต่รูปร่างสมส่วนและผิวพรรณที่แลดูสุขภาพดีนั้นสื่อว่า เมื่อมาถึงเรื่องสุขภาพ เขาไม่ได้ดูแลแบบเล่นๆ และถ้าไม่นับรอยยิ้มอวดฟันขาวนั้น นั่นคือเสน่ห์ชวนหลงของ มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร ฟิตเนสเทรนเนอร์ในวัย 27 ปี ผู้ไม่เคยคิดว่าเขาอยากจะเป็นนายแบบเสียหน่อย มิกกี้ชวน THE STANDARD นั่งบนพื้นยางที่ปูใกล้เสร็จในสตูดิโอออกกำลังกายแห่งใหม่ของเขาเพื่อบอกถึงเรื่องสุขภาพที่เขาไม่เคยบอกกับใคร

 

 

คนรู้จักมิกกี้ในฐานะคนสุขภาพดี แต่จริงๆ มิกกี้เริ่มหันมาดูแลตัวเองตั้งแต่เมื่อไร

เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพจริงๆ คือปี 2 ตอนที่เรียนปริญญาตรีอยู่ที่อเมริกา จริงๆ ผมเล่นกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นเริ่มอยากมีซิกซ์แพ็ก เริ่มอยากมีกล้าม คือเริ่มจากอยากหุ่นดีก่อน เพราะรู้สึกว่าเพื่อนฝรั่งหุ่นดีกันทั้งนั้น ตอนนั้นผมก็ไม่ได้อ้วน แต่ไม่ใช่คนออกกำลังกายอะไร คือเรียกว่าย้วยๆ หน่อย เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้เด่นอะไร ทีนี้พอเราเห็นคนอื่นหุ่นดีกัน เราก็เลยเริ่มออกกำลังกาย

คนไทยยังชอบอะไรในระยะสั้นและอยากออกกำลังกายโดยรวม แต่คนเราไม่ได้ใช้ชีวิตแค่กล้ามท้องและแขนขาเสียเมื่อไร มันต้องสมส่วนสิ ดังนั้นผมอยากให้คนคิดในระยะยาว ผอมไม่ได้แปลว่าสวย แต่ผมว่าการมีสุขภาพดีต่างหาก

เริ่มจากศูนย์เลยเหรอ

เริ่มจากการอ่านเอง ศึกษาเองทางออนไลน์ พวกเวทเอย คาร์ดิโอเอย แต่ด้วยความที่เราเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาด้วย เราเลยพอรู้พื้นฐานบ้าง บวกกับมีเพื่อนที่เตะบอลด้วยกันที่คอยแนะ เราก็เล่นตามเขาไปเรื่อยๆ ตามไม่ทันเขาหรอก เพราะเขาแข็งแรงอยู่แล้ว แต่เราก็เล่นไป ซึ่งเราก็มองว่าเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ถ้ามองจากตอนนี้ที่เรารู้มากขึ้นแล้ว เราก็รู้สึกว่าจริงๆ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนี่หว่า เราก็เล่นๆ ไป และเพื่อนนี่แหละเป็นคนพาให้เราได้เริ่ม ตอนนั้นผมคาร์ดิโอทุกวันเลย เล่นเวทด้วย เตะบอลด้วย ทำสลับๆ กันทุกวันทั้งสัปดาห์ จนตอนนี้มันติดเป็นนิสัยไปแล้วที่เราต้องขยับตัว ทำอะไรสักอย่าง

 

 

รักษาหุ่นมิกกี้นิสิตปี 2 มาถึงมิกกี้วัย 27 ได้อย่างไรกัน

มันอยู่ที่ความสม่ำเสมอและความตั้งใจของเรามากกว่า เพราะผมเห็นเลยว่าเพื่อนๆ ที่เคยหุ่นดีตอนสมัยเรียนที่เข้ายิมเวลาเดียวกันค่อยๆ ยุ่งขึ้นจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่ผมยังไปต่อ ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็เห็นผลของการรักษาความสม่ำเสมอนี้นั่นแหละ แล้วพอเรามีซิกซ์แพ็ก หุ่นเราโอเคแล้ว เราเลยติดจนต้องรักษามันไว้ นั่นทำให้เวลาคนชวนไปกินข้าวข้างนอกผมเลยไม่ค่อยไป จะทำอาหารกินเองที่บ้านตลอด ออกกำลังกายทุกวัน เหมือนสมัยเรียน ถ้าเรียนเช้า 7 หรือ 8 โมง ผมจะตื่นมาออกกำลังตั้งแต่ตี 4 อย่างน้อยผมต้องได้เรียกเหงื่อ

 

รักษาสุขภาพขนาดไม่ออกไปไหน ไม่กินข้าวกับใคร แล้วมีสังคมเหรอ

มี เพราะมีเพื่อนที่เราเตะบอลด้วยไง ผมรู้จักคนเยอะ แต่ไม่ได้ชอบสุงสิงกับทุกคน เพราะผมมองว่าเราไม่จำเป็นต้องกินกับเขา หรือกินเหมือนเขา ถ้าเขามีเลี้ยงกัน ผมก็กินนิดหน่อย แต่ถ้าไปกินแมคโดนัลด์ ผมก็ไม่ไปด้วย ส่วนถ้าไปปาร์ตี้ ผมก็จะหาอะไรกินเองก่อน และเอาจริงๆ ก็ดื่มบ้าง แต่ในปริมาณที่รู้ว่าเหมาะกับเราและเรารับได้ ทั้งหมดที่ทำนี่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าพลาดอะไรไปในชีวิตนะ ผมมองว่าการที่เราจะรู้จักคน เราไม่จำเป็นต้องรู้จักผ่านอาหารหรือเครื่องดื่มเสมอไป

ผมอยากให้คนเปลี่ยนมุมมองความเชื่อ ความคิดที่จะยึดอะไรเป็นหลักสักอย่างหนึ่ง อยากให้คนตั้งคำถามเยอะๆ ว่าเราทำท่านี้ไปทำไม เล่นแบบนี้ไปเพื่ออะไร หรือกินอันนี้ไปทำไม

ระวังเรื่องการกินแค่ไหน

ผมระวังเรื่องการกินมากที่สุดเลย จะซื้ออาหารมาทำกินเองทุกอาทิตย์ ซื้ออกไก่กินเหมือนเดิม ถามว่าเบื่อไหม ก็โอเค แต่มันดีกับเราไง แล้วเราได้รู้จักวินัยในการกินและการทำอาหารว่ามันมีประโยชน์แค่ไหน แต่ทุกอาทิตย์ผมจะมีวัน refeed ที่กินแป้งเยอะๆ เพื่อไปกระตุ้นฮอร์โมน ซึ่งนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจารย์ไม่ได้สอน แต่ผมศึกษาเอง ลองเอง แล้วมันเวิร์กกับเรา ผมว่าผมมีวินัยกับตัวเองมากพอตัว คือไม่มีหลุดเลย มีแค่ตอนปี 4 ที่ผมกินมื้อเดียวตอนกินเลี้ยงญาติที่แอลเอแล้วน้ำหนักขึ้นมา จำได้เลย เพราะเรารู้สึกพังมาก ดังนั้นเราเลยรู้ว่าถ้าเคร่งเกิน เราจะหลุดแล้วตบะแตก ถึงต้องมี refeed day ที่ให้เรากินแป้ง มาถึงตอนนี้ถ้าผมกินพิซซ่า กินเบียร์ กินเบอร์เกอร์ แต่ผมออกกำลังกาย 6-7 วันต่ออาทิตย์ ผมก็ยังโอเค ล่าสุดตอนไปนิวซีแลนด์กับแฟนก็กินขนมปังกระเทียมตั้งแต่ขึ้นเครื่องเลย กินสิ่งที่ไม่เคยกินตามใจปากติดๆ กันมาทั้งทริป วันท้ายๆ เรารู้แล้วว่ามันเลี่ยน มันกลายเป็นจิตสำนึกในตัวไปแล้ว

 

การรีดกล้ามให้ธรรมชาติโดยไม่ใช้ตัวช่วยเสริมแบบนี้ มิกกี้ต้องออกกำลังกายหนักแค่ไหน

ผมไม่กินอาหารเสริมเท่าไร ไม่ได้ใช้ฮอร์โมนช่วย มีกินบ้างก็โปรตีนกับวิตามินบี ส่วนออกกำลังกายจริงๆ คือ 4 วัน แต่ออกแค่ 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ด้วยความที่ผมสอนทุกวัน มันทำให้เราแอ็กทีฟตลอดเวลา บวกกับวินัยการกินมานาน มันเลยออกมาเป็นแบบนี้

เทรนเนอร์ที่ดีไม่ควรจะหยุดเรียนรู้ ไม่ใช่คิดว่ารู้หมดแล้ว พอแล้ว เพราะวิทยาศาสตร์มีข้อมูลใหม่ๆ มาล้มล้างความคิดเดิมๆ เสมอ

 

พฤติกรรมแย่ๆ ที่อยากเลิกคืออะไร

ผมชอบคิดชอบทำอะไรตอนกลางคืน แล้วก็ชอบตื่นเช้าเสียด้วย ถึงจะพยายามนอนเร็วยังไง แต่ 4 ทุ่มผมก็ยังไม่หลับ ดังนั้นผมอยากนอนให้มากขึ้น และช่วงนี้สังเกตว่ากินไม่ค่อยเป็นเวลา ซึ่งมันไม่ดี ดังนั้นจะพยายามกินให้เป็นเวลามากขึ้น แม้จะไม่หิวขนาดนั้น

 

จากประสบการณ์การเทรนให้คนออกกำลังกาย สิ่งที่มิกกี้พบและอยากเปลี่ยนมากที่สุดคืออะไร

ผมว่าคนไทยยังชอบอะไรในระยะสั้น เช่น ถ้ามีคนบอกผมว่าอาทิตย์หน้าต้องไปทะเล อยากใส่บิกินี่แล้วดูดี แต่เดือนที่ผ่านมากินแย่มาก ผมจะบอกเลยว่าเลื่อนทริปดีกว่า และคนมักไม่ได้อยากออกกำลังกายโดยรวม จะโดนถามอยู่บ่อยๆ ว่าอยากลดแขนลดขาต้องทำยังไง แต่คนเราไม่ได้ใช้ชีวิตแค่ขา แค่แขน แค่กล้ามท้องเสียเมื่อไร มันต้องสมส่วนสิ คนไทยชอบมองว่าต้องผอมถึงจะสวย แต่มันไม่เสมอไปนะ ผมว่าการมีสุขภาพดีต่างหาก ดังนั้นเราต้องมองรูปร่างโดยรวมด้วย ไม่ใช่ออกแล้ว ลดแล้ว แล้วจบ เราจะไม่ดำเนินชีวิตต่อเลยเหรอ มันต้องมีความต่อเนื่องด้วยสิ จะออกแล้วไม่ทำอีกเลย อย่างนี้มันไม่ใช่สิ ดังนั้นผมอยากให้คนคิดในระยะยาว อย่าคิดแบบควิกฟิกซ์ ร่างกายเรามันซับซ้อนกว่านั้น

 

นอกจากนั้นผมอยากให้คนเปลี่ยนมุมมองความเชื่อ ความคิดที่จะยึดอะไรเป็นหลักสักอย่างหนึ่ง อยากให้คนตั้งคำถามเยอะๆ ว่าเราทำท่านี้ไปทำไม เล่นแบบนี้ไปเพื่ออะไร หรือกินอันนี้ไปทำไม มันจำเป็นไหม และอยากให้เลือกคนที่เราจะเชื่อโดยคิดเยอะๆ เพราะเดี๋ยวนี้เน็ตไดอลก็เป็นเทรนเนอร์ได้ แค่มีคนตามเยอะๆ ก็ขายคอร์สสอนกันได้ โดยวัดกันจากความดัง ดังนั้นอย่ามองแค่ว่าเขาหุ่นดี แต่ให้ศึกษาเยอะๆ

 

ผมชอบการแข่งขัน และยังอยากแข่งอยู่ไม่ว่าจะเกมไหนก็ตาม ไม่ใช่ว่าต้องเก่งทุกอย่างหรอก แต่ทำได้ และผมอยากใช้ชีวิตแบบไม่ให้ร่างกายมาเป็นขีดจำกัด ยังอยากท้าทายตัวเองอยู่ แม้อายุมากขึ้นก็ตาม

ถ้าอย่างนั้นมิกกี้มีเคล็ดลับในการเลือกเทรนเนอร์อย่างไร

อย่างแรกผมว่าเทรนเนอร์คนนั้นควรจะมีการเผยแพร่ความรู้ในมุมมองและประสบการณ์ด้วย ไม่ว่าจะออกหนังสือหรือเขียนบล็อกก็ได้ นั่นบอกอะไรมากกว่าการสอน ซึ่งมันบอกถึงหลักการและเบื้องหลังการสอนของคนคนนั้นด้วย นอกจากนั้นเทรนเนอร์ที่ดี ผมว่าไม่ควรจะหยุดเรียนรู้ ไม่ใช่คิดว่ารู้หมดแล้ว พอแล้ว เพราะวิทยาศาสตร์มันเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย มีข้อมูลใหม่ๆ มาล้มล้างความคิดเดิมๆ เสมอ ดังนั้นเทรนเนอร์ที่ดีต้องศึกษาหาความรู้ให้มาก สามคือมีรูปร่างที่น่าเชื่อถือ ไม่ต้องหุ่นดีที่สุด เป๊ะที่สุด แต่ต้องน่าเชื่อถือ

 

คิดอย่างไรกับปณิธานปีใหม่ที่คนบอกว่าอยากสุขภาพดีขึ้น

ผมเรียกมันว่า new year’s resolution bullshit เพราะจริงๆ เราควรหาเหตุผลก่อนว่าเราอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเพราะอะไร ทำไม จะแต่งงาน จะโชว์หุ่นตอนไปเที่ยว อยากมีสุขภาพดี เหตุผลเหล่านี้มันแข็งแรงพอหรือยัง เหมือนกับเวลาเรียนการแสดง การจะเล่นให้สมจริง เราต้องหาเหตุผลสนับสนุนที่มากพอก่อนว่าทำแบบนั้นทำไม คิดให้ได้ว่าเหตุผลคืออะไร แล้ววินัย ความสม่ำเสมอ ความตั้งใจจะตามมาเอง ถ้าวินัยมาก่อน แต่เรายังไม่รู้เลยว่าทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร มันก็ไม่ไปไหน เพราะแรงผลักดันไม่พอ

ผมไม่ชอบหมอ อาจเป็นเพราะอีโก้แหละมั้ง นั่นทำให้ผมอยากทำอาชีพที่อยากช่วยให้คนแข็งแรง มีสุขภาพดี ทำยังไงก็ได้ให้คนไปหาหมอให้น้อยที่สุด

 

‘ทำไม’ ถึงเลือกที่จะดูแลตัวเอง

ด้วยความที่ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นนักกีฬา แต่ผมไม่ได้เป็น เพราะที่บ้านมองว่าการแข่งขันมันสูง โอกาสได้เป็นน้อยมาก ผมเลยขอหันมาเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้ทำงานด้านนี้แทน ดังนั้นในอาชีพผม ผมอยากให้คนเชื่อถือด้วยการมีสุขภาพที่ดี รูปร่างที่ดี และด้วยความที่ชอบกีฬา ดังนั้นแน่นอนว่าผมชอบการแข่งขัน ผมเลยยังอยากแข่งขันอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ในเกมไหนก็ตาม ถ้าใครชวนผมไปวิ่งมาราธอน ไตรกีฬา เล่นเซิร์ฟ ตีเทนนิส กระทั่งแทงพูล ผมก็ทำได้ ไม่ใช่ว่าต้องเก่งทุกอย่างหรอก แต่สามารถทำได้ ผมอยากใช้ชีวิตแบบไม่ให้ร่างกายมาเป็นขีดจำกัด ยังอยากท้าทายตัวเองอยู่แม้อายุมากขึ้นก็ตาม เอาง่ายๆ ผมไม่อยากเป็นคนกล้ามใหญ่ แต่วิ่งไม่ได้ อย่างนั้นไม่เอา

 

นอกจากนั้นผมไม่ชอบหมอ แต่ผมชอบคุยกับหมอที่ออกกำลังกายเพราะคำแนะนำจะต่างไป มันคืออีโก้แหละมั้ง แต่หมอทั่วไปจะแนะนำผมแต่อะไรเดิมๆ เช่น ต้องออกกำลังกายนะ กินอาหารที่มีประโยชน์นะ ซึ่งใครๆ ก็พูดได้ แต่ผมจะชอบคุยกับหมอด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาหรือเข้าใจศาสตร์กายภาพที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย เขาจะชี้แนะได้ถูกทางกว่า นั่นทำให้ผมอยากทำอาชีพที่อยากช่วยให้คนแข็งแรง มีสุขภาพดี ทำยังไงก็ได้ให้คนไปหาหมอให้น้อยที่สุด

FYI
  • การออกกำลังกายควรทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ 
  • การพักผ่อนที่เพียงพอส่งผลดีต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย
  • การนอนตั้งแต่ 22.00 น. ส่งผลดีต่อการปรับเคมีในร่างกาย การซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ และสามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตได้
  • ลองหาเหตุผลในการมีสุขภาพดีของคุณ เพื่อจะได้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ
  • #WhatsYourWhy แล้วเหตุผลในการมีสุขภาพดีของคุณคืออะไร ร่วมแชร์ประสบการณ์และเหตุผลของคุณได้ที่ campaigns.aia.co.th/whatsyourwhy
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X