หากให้นึกถึงสิ่งประดิษฐ์สักอย่างที่เกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน เมื่อหันไปสบตากับ ‘กระจก’ เราก็รู้คำตอบในทันที

 

กระจก สิ่งประดิษฐ์ที่มีแรงบันดาลใจจากการสะท้อนภาพของผืนน้ำ เป็นประดิษฐกรรมที่อยู่เคียงข้างความเป็นจริงมาเสมอ ขอแค่มีแสงลอดมาตกกระทบได้ มันก็จะช่วยสะท้อนทุกสิ่งอย่างแบบไม่ปิดบัง ในบางสังคมกระจกเกี่ยวพันกับความเชื่อ และในบางครั้งกระจกก็มีเสียง (ซึ่งนักวิทยาศาสตร์นำไปพัฒนาเป็นเรดาร์ในเวลาต่อมา) ความสวยงามน่าสนเท่ห์ของกระจกเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินปลุกปั้นงานศิลปะที่สวยงามก้องโลก ตัวอย่างเช่น งานกระจกสี (Stained Glass) ศิลปะเชิงช่างแบบโกธิกที่ถูกยกเป็นงานศิลปะชั้นสูง พบมากในมหาวิหารทางคริสต์ศาสนา ดัดแปลงไปสู่งานศิลปะโคมกระจกอย่างผลงานที่มีชื่อเสียงของ หลุยส์ คอมฟอร์ต ทิฟฟานี ในชื่อ ‘ดอกลเบอร์นัม’ ถ้าเป็นยุคสมัยใหม่ที่คนร่วมยุคดิจิทัลสามารถจับต้องได้ก็คงต้องยกให้ศิลปินหญิงรุ่นเก๋าชาวญี่ปุ่น ยาโยอิ คุซามะ ที่นำกระจกมาใช้สร้างสรรค์เป็นงานศิลปะ โดยตั้งชื่อชุดผลงานนั้นว่า Infinity Mirrors

 

 

อย่างไรก็ตาม กระจกอยู่กับคนเราในชีวิตประจำวันเสมอมา อาจกล่าวได้ว่าถ้าไม่มีกระจก มนุษย์ก็ไม่รู้จักตนเอง แต่งตัวไม่เป็น หรืออาจไม่มีนิทานหรือวรรณกรรมที่ยกให้กระจกเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงไปสู่การสะท้อนความจริง

 

แต่ในที่นี้เราจะชวนมาสัมผัสกระจกในมุมมองของสิ่งประดิษฐ์ที่มีวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีและมีนวัตกรรมเรื่อยมา จนสามารถสะท้อนบริบทชีวิตยุคใหม่ได้อย่างหมดจด

 

กระจก (Glass) เป็นวัสดุที่ทำมาจากวัตถุดิบชนิดต่างๆ ผ่านการหลอมที่อุณหภูมิสูงและนำแก้วไปขึ้นรูปให้เป็นแผ่นที่เรียบสนิท มีความหนาตามต้องการ มีคุณสมบัติโปร่งใส ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว กระจกมักถูกนำไปใช้ในงานสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน เพื่อเพิ่มความสวยงามให้อาคารบ้านเรือน รวมถึงยนตรกรรม

 

กระจกประกอบไปด้วยวัสดุพื้นฐานคือ ทรายแก้ว หินฟันม้า โดโลไมต์ โซดาแอช โซเดียมซัลเฟต และเศษกระจก บ้างก็มีการเติมออกไซต์ของโลหะชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้กระจกมีสีสัน นอกจากนั้นก็อาจถูกนำไปปรับคุณสมบัติต่อเพื่อให้มีคุณลักษณะบางอย่างที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างตรงจุด

 

นอกเหนือจากกระจกที่เราใช้อยู่ทุกวันแล้ว ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกระจกจะโดดเด่นมากในอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เรายังพบความสวยงามของอาคารบ้านเรือน ซึ่งส่วนหนึ่งของงานสถาปัตยกรรมมักจะมีกระจกร่วมอยู่ด้วย

 

 

เมื่อพูดถึงกระจกในเชิงนวัตกรรมอัจฉริยะที่ถูกนำไปเป็นองค์ประกอบของหลายต่อหลายอย่าง ตึกรามบ้านช่อง, อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่กล่าวถึงกลุ่มบริษัทเอจีซี องค์กรผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องธุรกิจกระจกในระดับโลก มีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น แต่ได้ขยายฐานการผลิตกระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ ทวีปเอเชียที่ญี่ปุ่น ทวีปอเมริกา และทวีปยุโรป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมให้เหมาะสมต่อความต้องการในภูมิภาคนั้นๆ จากความไว้วางใจของคู่ค้าและลูกค้า รวมถึงชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้ปัจจุบันกลุ่มเอจีซีเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่สามารถทำรายได้กว่า 4 แสนล้านบาท (ข้อมูลเมื่อปี 2018) จากผลงานของทีมงานคุณภาพกว่า 50,000 คนที่กระจายตัวอยู่ในบริษัทในเครือ 210 บริษัท ในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

 

กลุ่มเอจีซีอยู่กับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีกระจกเป็นองค์ประกอบสำคัญมานานกว่าศตวรรษนับตั้งแต่ปี 1907 นานพอที่จะเข้าใจและสามารถนำกระจกไปเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างทันสมัย ทำให้มีผลิตภัณฑ์กระจกและผลิตภัณฑ์ที่มีวัสดุกระจกเป็นองค์ประกอบออกสู่ท้องตลาดมากมาย โดยสิ่งที่เป็นผลงานขององค์กรแบ่งเป็นธุรกิจหลัก ได้แก่ กระจกเพื่องานสถาปัตยกรรมและยานยนต์, กระจกที่นำไปเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เลนส์และวัสดุสำหรับกล้องถ่ายรูป, เคมีภัณฑ์, เซรามิกและงานโซลูชันด้านวิศวกรรม รวมถึงนวัตกรรมที่เป็นธุรกิจใหม่ในยุคนี้อย่างดิจิทัลไซเนจ (สื่อประชาสัมพันธ์ดิจิทัล) หรือแม้แต่ใยแก้วที่นำไปเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ดิจิทัล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการสร้างธุรกิจที่ทำกำไรด้วยการขยายโอกาสทางธุรกิจที่มีโอกาสเป็นไปได้

 

 

สำหรับในบ้านเรา นับว่ากลุ่มเอจีซีคือองค์กรที่นำพาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาร่วมสรรสร้างความศิวิไลซ์ให้สังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คน จนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 100 ปีที่เป็นที่รู้จักทั้งในไทยและทั่วโลก ซึ่งองค์กรก็ไม่เคยหยุดคิดค้นนวัตกรรมใหม่ออกมาตอบโจทย์ตลาดในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก รวมไปถึงเป็นเบื้องหลังความสำเร็จทางธุรกิจของหลายๆ องค์กรชั้นนำ

 

ในวาระที่โลกเข้าสู่ห้วงที่แหล่งพลังงานลดน้อยลง สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย กระแสการปลุกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงเป็นวาระเร่งด่วนที่ชาวโลกต้องร่วมด้วยช่วยกัน กลุ่มเอจีซีก็ร่วมขบวนช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม มีหลายๆ บริษัทในเครือที่ไม่นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ดังกล่าว แสดงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมต่อการอนุรักษ์ อย่างโครงการ ‘ร่วมใจปลูกปะการัง 80,000 กิ่งที่เริ่มต้นเพื่อล้นเกล้า’ โดยสนับสนุนให้ปลูกปะการังด้วยท่อพีวีซี 80,000 กิ่ง ในโอกาสเดียวกันก็ได้กระจายความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น

 

หากจะนิยามสั้นๆ ถึงสิ่งที่กลุ่มเอจีซีทำและเป็นอยู่ก็คงไม่ผิดไปจากคำว่า Your Dreams, Our Challenge ที่เรามองว่านี่คือความคิดเปลี่ยนโลกก็ว่าได้ Brand Statement นี้เผยให้เห็นเซนส์ของการเป็นผู้นำหัวก้าวหน้า มองการณ์ไกล มุ่งเติมเต็มความฝันของโลกใบนี้ให้เป็นจริง สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่ มร.ทาคุยะ ชิมามุระ ในฐานะผู้แทนของ Director, President และ CEO ได้เคยกล่าวไว้ว่า “Leveraging its advanced technologies, AGC offers solutions that make people’s lives better around the world.” เหมือนเป็นคำมั่นสัญญาว่ากลุ่มเอจีซีจะใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมานำเสนอโซลูชันเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนทั่วโลก

 

 

ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของกลุ่มเอจีซีนั้นไม่เคยถวิลหาความง่าย แต่ชอบที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย เพราะนี่คือหนทางที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยี

 

และโซลูชันล้ำๆ เฟ้นหาวัสดุคุณภาพอันเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับการสะสมองค์ความรู้ความชำนาญ และไม่หยุดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เสาะหาโซลูชันที่เป็นไปได้ และมีคู่ค้าที่พร้อมจะก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน ทำให้ทุกวันนี้เอจีซีคือเบื้องหลังความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมมากมาย

 

เมื่อฝันของกลุ่มเอจีซียิ่งใหญ่ถึงระดับเปลี่ยนโลก ความฝันนั้นจึงได้ถูกถ่ายทอดมาสู่การสร้างความท้าทายและสนับสนุนให้ทีมงานสนุกกับการค้นพบผลิตภัณฑ์ วัสดุ และโซลูชันสุดทันสมัยต่างๆ เพื่อทำให้จินตนาการที่อยู่รอบตัวเป็นไปได้ อันนำมาสู่แคมเปญใหญ่ ‘Magic for Life ทุกนวัตกรรม เพื่อทุกฝันที่เป็นไปได้’ โดยดึงนักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ ‘กันต์ กันตถาวร’ ในฐานะตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีหัวคิดทันสมัยและชื่นชอบในนวัตกรรมมาเป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมตอกย้ำภาพการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ไม่หยุดพัฒนาสิ่งที่ดีกว่าด้วยไวรัลวิดีโอที่ดำเนินเรื่องราวในคอนเซปต์ ‘ไม่มีคำว่าดีที่สุด’ สะท้อนสังคมและแนวคิดของคนยุคนี้ที่มีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ เพียงผิวเผิน และหลายครั้งก็ปักหลักกับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด ทั้งที่อาจจะยังมีสิ่งที่ดีกว่าต่อไปได้ ขณะที่กลุ่มเอจีซีนั้นยึดมั่นในแนวคิดที่ว่า ‘ไม่มีคำว่าดีที่สุด’ เพราะต้องพัฒนานวัตกรรมให้ดีกว่าอยู่เสมอ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของทุกคน

 

 

 

ถ้ากระจกสามารถบอกอะไรได้เหมือนในนิทานที่เราคุ้นเคย กระจกที่สร้างให้กลุ่มเอจีซีเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้ก็คงกำลังจะสะท้อนบอกเราว่า ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ด้วยการไม่หยุดพัฒนานวัตกรรม 

 

ไม่แน่ว่าการส่องกระจกในครั้งต่อไปของคุณอาจจุดประกายให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ตอนนั้นล่ะที่เราจะรู้สึกถึงคำว่า Magic for Life อย่างแจ่มแจ้งที่สุด   

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

• agc.com/en
• www.myinterestingfacts.com/mirror-facts
• th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%81
• th.wikipedia.org/wiki
• kusama.site.seattleartmuseum.org