×
SCB Omnibus Fund 2024

นักวิชาการแนะรัฐงัดนโยบายให้รถ EV ขึ้นทางด่วนฟรี ดึงคนหันใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

23.02.2022
  • LOADING...
รถ EV

นักวิชาการหนุนมาตรการภาษีรถยนต์ EV แต่ห่วงยังเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น พร้อมเปิดนโยบายอุดหนุนในต่างประเทศ เพื่อดึงคนหันใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยมีตั้งแต่การลดภาษี ไปจนถึงลดค่าที่จอดรถในที่สาธารณะ และฟรีค่าผ่านทาง เสนอไทยควรให้ขึ้นทางด่วนฟรีเพื่อดึงคนหันใช้รถ EV มากขึ้น 

 

กติกา ทิพยาลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงนโยบายสนับสนุนยานยนต์พลังงานไฟฟ้าล่าสุดว่า รัฐบาลใช้เครื่องมือได้ถูกจุดระดับหนึ่ง เพราะการสร้างแรงจูงใจที่ดีที่สุดคือเรื่องของราคา ทั้งเงินอุดหนุนให้กับผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้า BEV ที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และการลดภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า 

 

อย่างไรก็ตามนโยบายดังกล่าวยังเป็นเพียงการสนับสนุนการซื้อในช่วงระยะเวลาสั้นๆ มากกว่าการใช้งานในระยะยาว โดยมาตรการรอบนี้จะมีอายุถึงปี 2025 เท่านั้น หากรัฐบาลต้องการสร้างดีมานด์ในประเทศเพื่อให้เกิดการผลิตมากขึ้นในอนาคตอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเกิดการย้ายฐานการผลิตของค่ายรถยนต์ต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยอย่างจริงจัง 

 

นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงประชาชนที่ซื้อรถยนต์ใหม่ไปเมื่อปี 2021 แล้วกว่า 7.5 แสนคัน กว่าจะถึงเวลาที่คนเหล่านี้ตัดสินใจซื้อรถคันใหม่อีกครั้งก็อาจหมดอายุมาตรการไปแล้ว

 

สำหรับการสนับสนุนการใช้รถ EV ในต่างประเทศ ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับสิทธิพิเศษที่ผู้ใช้รถ EV จะได้รับตลอดการใช้งาน ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนลดเมื่อซื้อครั้งแรกเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีผู้ใช้รถ EV มากที่สุดในโลกขณะนี้คือประเทศนอร์เวย์ ได้มีการวิจัยและพัฒนามาตั้งแต่ปี 1970 และสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% มาตั้งแต่ 1990 ปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลกถึง 87% ของรถยนต์ทั้งประเทศ โดยมีนโยบายส่งเสริมตั้งแต่การลดภาษีการซื้อรถ ภาษีป้ายทะเบียน ภาษีรถยนต์ประจำปี ลดค่าที่จอดรถในที่สาธารณะ และสามารถใช้ถนนเลนเดียวกับรถสาธารณะ 

 

ขณะที่ประเทศเยอรมนี ในฐานะผู้นำข้อตกลง EU Green Deal ได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษียานยนต์เป็นเวลา 5-10 ปี และสนับสนุนเงินชดเชย 8,000-10,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสิทธิพิเศษ เช่น ไม่เสียค่าที่จอดรถ หรือมีสิทธิ์เข้าบางพื้นที่ที่เปิดให้เฉพาะรถ EV ส่วนสหรัฐอเมริกา ในปี 2020 ให้เงินอุดหนุนสูงสุดถึง 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นให้คนซื้อรถ EV กับบริษัทขนาดเล็กและกลาง แต่สำหรับค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น GM และ Tesla ไม่ได้รับการสนับสนุนในส่วนนี้ เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมียอดขายเกินกว่าโควตาที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดไว้

 

ขณะที่ฝั่งเอเชีย เจ้าแห่งการผลิตยานยนต์อย่างญี่ปุ่นมีทั้งการให้เงินสนับสนุนคนซื้อรถ ลดและยกเว้นภาษี ด้านกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ได้เน้นการส่งเสริมให้ค่ายรถยนต์วิจัยพัฒนาระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ให้ดียิ่งขึ้น 

 

ส่วนประเทศจีนอาจให้เงินอุดหนุนไม่มากนักระหว่าง 1,800-4,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่มีการสนับสนุนด้านอื่นแตกต่างกันไปตามมณฑล เช่น ลดค่าที่จอด ลดค่าชาร์จไฟในที่ชาร์จสาธารณะ และฟรีค่าผ่านทาง 

 

ในส่วนของประเทศไทยนั้นมีบริบทที่แตกต่างออกไป การจอดรถตามท้องถนนสามารถจอดได้ฟรีอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่จอดรถที่เสียค่าจอดมักเป็นของภาคเอกชน ดังนั้นควรมีการร่วมมือกับภาคเอกชน โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ให้ลดค่าจอดหรือค่าชาร์จไฟ หรือแม้แต่การพิจารณาให้รถ EV สามารถใช้ทางด่วนได้ฟรี ก็เป็นการส่งเสริมที่เหมาะกับบริบทกรุงเทพมหานครที่คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามชานเมืองและเดินทางเข้ามาทำงานระหว่างวัน รวมถึงควรขยายจุดชาร์จสาธารณะให้ไม่กระจุกตัวอยู่ภายในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในเท่านั้น

 

ในระยะยาวเพื่อให้ยอดการใช้รถ EV ถึงเป้าหมายตามโรดแมปการพัฒนาวงการ EV ของรัฐบาลไทย ซึ่งสอดคล้องกับแผน 30@30 ขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) ที่จะสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกและภาคีกว่า 40 ประเทศหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ภายในปี 2030 ดร.กติกา ได้เสนอให้ภาครัฐผลักดันการผลิตรถ EV ใช้ภายในประเทศ แม้จะไม่สามารถผลิตเพื่อส่งออกแข่งกับแบรนด์ใหญ่ที่มีอยู่ในตลาดได้ แต่ภาครัฐสามารถกำหนดให้รถในหน่วยงานราชการหรือรถขนส่งสาธารณะเป็นรถ EV สัญชาติไทย ซึ่งหลายประเทศก็เริ่มจากตรงนี้ เช่น เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่ง VinFast จากเวียดนาม ก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและได้เริ่มทำการตลาดในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในขณะนี้

 

ดร.กติกา ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในทางเศรษฐศาสตร์ที่อาจเกิดสภาวะที่เรียกว่า ‘ผลกระทบย้อนกลับ’ (Rebound Effect) เมื่อประชาชนรู้สึกสบายใจกับการใช้รถ EV ที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าน้ำมันราคาแพงอีกต่อไป ต้นทุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าต่อหน่วยเมื่อเปรียบเทียบกับระยะทางวิ่งที่ลดลง และไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้รถอาจใช้งานเกินความจำเป็น ต้องอย่าลืมว่าการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ผลรวมของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศมากขึ้นก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน และยังมีผลกระทบที่วัดเป็นตัวเงินไม่ได้ เช่น รถติดมากขึ้น ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น หรือความพยายามผลักดันให้ประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะอาจเป็นไปได้น้อยลง จึงควรมีแผนระยะกลางและยาวรองรับการใช้งานอย่างแพร่หลายของรถ EV ด้วย

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising