เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยผลการดำเนินงานของธนาคารในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 โดยรายงานกำไรสุทธิ 11,965 ล้านบาท ลดลง 5.43% จากไตรมาสก่อน เกิดจากรายได้ที่ลดลงจาก 50,429 ล้านบาท ลงมาอยู่ที่ 48,679 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ธุรกิจประกันที่ลดลง 1,764 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนยังคงเพิ่มขึ้น 15.4% เป็น 38,104 ล้านบาท ตามรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 5.3% สวนทางกับการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง 8.5%
จากรายงานสรุปผลการดำเนินงานของ KBANK ธนาคารมองการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ที่ 2.6% นอกจากปัญหาเชิงโครงสร้าง การบริโภคภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชน ที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจ เรายังคงต้องจับตาดูความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมและความผันผวนของค่าเงินบาทต่อไป
การลดลงของกำไรในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจประกันที่มีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้นกว่า 3,109 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 20% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน และรายได้ดอกเบี้ยจากการให้สินเชื่อที่ลดลง 1,233 ล้านบาท ลดลง 3% จากไตรมาสที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิของงวด 9 เดือนของปี 2567 ยังคงเพิ่มขึ้น 3,436 ล้านบาท หรือราว 3% เมื่อเทียบกับปี 2566 มาที่ 113,031 ล้านบาท
ในส่วนของค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 354 ล้านบาท หรือประมาณ 4% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่ง เช่น การบริหารจัดการกองทุนและการให้บริการด้านเครดิตต่างๆ
ด้านอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin: NIM) ของไตรมาส 3 ปี 2567 ลดลงเล็กน้อยที่ 3.61% จาก 3.67% ในไตรมาส 2 ซึ่งเกิดจากรายการการทำธุรกรรมพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทุนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีผลกับผลการดำเนินงานของธนาคารในระยะสั้นเท่านั้น หากไม่นับรายการดังกล่าว NIM จะยังคงทรงตัวใกล้เคียงระดับเดิมในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนขายและโอนย้ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพบางส่วนให้กับบริษัทย่อยที่ร่วมทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคาร ในขณะที่ KBANK รายงานตัวเลขสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่ 3.20% ของปริมาณสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากต้นปีที่ 3.19%
