ไต่ระดับเรตติ้งขึ้นมาเรื่อยๆ สำหรับซีรีส์เรื่อง The Judge From Hell จนเรตติ้งทะลุ 2 หลักที่ 13.1 ทั้งประเทศเกาหลีใต้ หลังออกอากาศมา 3 สัปดาห์ แถมกระแสยังดีใน Disney+ Hotstar ในเมืองไทยอีกต่างหาก ส่วนสำคัญก็มาจากการพลิกบทบาทของ พัคชินฮเย สู่การเป็นปีศาจสาวที่ต้องเข้ามาสิงร่างผู้พิพากษาตัดสินคดีในโลกมนุษย์ และแอบลงทัณฑ์คนชั่วแบบโหดๆ เพื่อให้ได้กลับไปอยู่ในภพภูมิของตัวเองอีกครั้ง ดูแล้วแอบคิดถึงตัวละคร แนนโน๊ะ ในซีรีส์เรื่อง เด็กใหม่ แต่มาในเวอร์ชันคอเมดี้
The Judge From Hell เปิดด้วยฉากฆาตกรรมของ คังบิทนา (พัคชินฮเย) เธอเข้าสู่การตัดสินของปีศาจ จัสติเซีย (โอนารา) ซึ่งมีหน้าที่พิพากษาฆาตกรที่ไม่สำนึกผิดและส่งพวกเขาไปลงนรก แม้ว่าผู้ช่วยของเธอทัดทานว่าบิทนาไม่ใช่ฆาตกร แต่จัสติเซียก็ตัดสินให้เธอลงนรกอยู่ดี เหตุการณ์นี้ทำให้ บาเอล (ชินซองรก) ผู้ดูแลนรกโกรธมาก และส่งเธอมายังโลกมนุษย์ในร่างของบิทนาเพื่อตามเอาชีวิตฆาตกร 10 คนที่ไม่สำนึกผิดในเวลา 1 ปี
บิทนากลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยจิตวิญญาณของจัสติเซียจนมีพฤติกรรมแปลกไป เธอบอกกับทุกคนว่าเป็นปีศาจ เสพติดโคล่า แต่งตัวฉูดฉาดด้วยเสื้อผ้าราคาแพง และกิริยามารยาทก็ดูล้นๆ เกินผู้พิพากษา การพิจารณาคดีครั้งหนึ่งทำให้เธอได้พบกับ ฮันดาอน (คิมแจยอง) นักสืบในหน่วยอาชญากรรมรุนแรงของสถานีตำรวจโนบง และคิดว่าเขาเป็นเครื่องมือชั้นดีในการค้นหาฆาตกรให้ครบ 10 คนได้เร็วๆ
แต่ด้วยนิสัยด่วนตัดสินของจัสติเซียในร่างบิทนาก็ทำให้เธอพลาดอีกครั้งด้วยการฆ่าดาอน จนบาเอลเพิ่มโทษให้ต้องหาฆาตกรเพิ่มเป็น 20 คนใน 1 ปี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ดาอนกลับมามีชีวิตและสงสัยว่าบิทนาไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ปกปิดเป็นความลับ และมองว่าดาอนคือของเล่นแก้เบื่อให้เธอในโลกมนุษย์
บิทนาต้องเจอคดีต่างๆ มากมาย และใช้การตัดสินในโลกมนุษย์เปิดช่องว่างให้เธอลงโทษฆาตกรในรูปแบบเฉพาะจากนรก ทำให้มีเหตุฆาตกรรมแปลกๆ เกิดขึ้นบ่อยๆ ดาอนเริ่มสงสัยว่าเป็นฝีมือของบิทนาและตามติดเธอจนกลายเป็นความผูกพัน เจ้ากรรมที่ปีศาจห้ามมีความรัก แต่จัสติเซียในร่างของบิทนากลับเกิดความรู้สึกบางอย่างที่อาจทำให้วิญญาณของเธอดับสูญไปตลอดกาล
ด้วยส่วนผสมที่มีทั้งความโรแมนติกคอเมดี้และฉากโหดๆ แบบซีรีส์สยองขวัญ ทำให้คนดูติดหนึบได้ไม่ยาก ซึ่ง The Judge From Hell ก็ไม่รอช้าด้วยการเดินเรื่องอย่างรวดเร็วให้เราได้ทำความรู้จักกับคังบิทนาที่มีทั้งเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ มาพร้อมกับความปากแจ๋วผ่านบทสนทนาแสบๆ คันๆ ที่คนดูหลงเสน่ห์
“คนเป็นผู้พิพากษาแต่งหน้าหนาเตอะแบบนี้ คนอื่นเขาจะคิดอย่างไร”
“น่าจะคิดว่าสวยนะคะ”
หรืออย่างในตอนที่เธอไขคดีฆาตกรรมอำพรางให้กับเด็กชายคนหนึ่งก็เปิดโรงงานไฟฟ้าช็อตฟีลจากเศร้าๆ อยู่กลายเป็นฮาไปได้
“ถ้าคนดีตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์จริงๆ เหรอ”
“พอดีป้าไม่เคยเป็นคนดีและไม่เคยตายด้วย ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจ”
ณ จุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับพัคชินฮเยกับการสวมบทเป็นคังบิทนา ตัวละครที่สนุกที่สุดในรอบหลายปี ฉีกจากภาพลักษณ์นางเอกสุภาพ อ่อนโยน มาเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความแอนตี้ฮีโร่หน่อยๆ ดูไม่ไยดีต่อระบบกฎหมาย ในขณะเดียวกันก็ใช้กฎหมายเปิดช่องโหว่จัดการคนชั่วแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ที่เด่นมากๆ คือการสวมบทโหดๆ ทั้งสีหน้าและแววตาเข้าขั้นฆาตกรโรคจิตแบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน แม้แต่ในงานแถลงข่าวเจ้าตัวก็เผยว่าตัวเองเล่นบทสาวมองโลกในแง่ดีมามาก ซึ่งบทคังบิทนาช่วยปลดปล่อยความสามารถทางการแสดงอีกด้านของเธอ
ส่วนนักแสดงหน้าใหม่ คิมแจยองในบทฮันดาอนก็ช่วยเสริมเรื่องราวได้ดี และมีเคมีบางอย่างที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แม้ในตอนแรกจะถูกครหาว่าไม่เหมาะสมกับพลังดาราของพัคชินฮเย แต่กลับกลายเป็นความสดใหม่ผ่านหน้าจอที่ลงตัว
ในส่วนของบท The Judge From Hell พยายามสอดแทรกประเด็นสมัยใหม่ ทั้งความรุนแรงต่อผู้หญิง การทารุณกรรมเด็ก และการฆาตกรรมโดยอ้างอาการทางจิตผ่านคดีต่างๆ ที่บิทนาต้องตัดสินแบบเซอร์ไพรส์คนดู ถึงอย่างนั้นก็มีรางวัลปลอบใจให้คนชั่วถูกลงโทษอย่างสาสม ซึ่งเป็นเหมือนเป็นการตั้งคำถามกับระบบยุติธรรม ขณะเดียวกันก็ย้อนมาถามถึงความเหมาะสมว่าความรุนแรงคือสิ่งที่เกินไปหรือไม่ และความน่าสนใจอีกอย่างคือทำอย่างไรให้บิทนาไม่ถึงกับเลวร้ายแต่ยังคงเลือดเย็น จึงกลายเป็นบทสนทนาที่บอกถึงแนวคิดแปลกๆ ที่ไม่ตั้งใจจะปลอบใจ แต่กลับปลอบใจเหยื่อไปเสียอย่างนั้น
ตอนนี้ The Judge From Hell เดินทางมาถึงช่วงที่บิทนาเริ่มมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ ทั้งเริ่มมีความรักและรู้สึกสะใจที่ได้ฆ่าคน หากจะมองมุมกลับ ตอนนี้บิทนาก็ไม่ต่างจากฆาตกร ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นปมของบทที่ตั้งกฎไว้ให้ปีศาจไร้ความรู้สึก ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้เราติดตามนางมารติดโคล่าคนนี้อีกมากมาย