วันนี้ (12 ตุลาคม) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังพร้อมหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นสำนักงานของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และสถานที่เป้าหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น โกดังเก็บสินค้า บริษัทบัญชีในเครือข่าย รวม 9 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยตรวจยึดเอกสารบัญชีของสำนักงานตั้งแต่ปี 2563-2565 เครื่องคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลต่างๆ มาตรวจสอบ
พล.ต.ต. โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นได้สอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทไว้แล้วบางส่วน พยานหลักฐานที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับเรื่องงบดุลของบริษัท รวมถึงยังพบผลิตภัณฑ์ของบริษัทบางส่วนในโกดัง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำมาตรวจสอบหาความเชื่อมโยงว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายใดหรือไม่ และกลุ่มแม่ทีมต่างๆ ส่วนใหญ่ผู้เสียหายรู้จักเพียงชื่อเล่น ทำให้ตำรวจต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลก่อนที่จะพิจารณาดำเนินคดี
ส่วนวันนี้ที่มี บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมถึงกลุ่มบอสดาราเข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนที่จะมีการออกหมายจับนั้น พล.ต.ต. โสภณ ระบุว่า ก็เป็นสิทธิ์ เนื่องจากตอนนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับ แต่อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนก็จะมีการแจ้งพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหากับบอสพอล เนื่องจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ดังนั้นจึงถือว่าบอสพอลตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว
พล.ต.ต. โสภณ ระบุว่า พนักงานสอบสวนยังต้องขอเวลารวบรวมพยานหลักฐาน แล้วจึงจะแจ้งข้อกล่าวหาภายหลัง ส่วนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับอยู่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาตามเหตุจำเป็น ดังนั้นวันนี้ตำรวจยังไม่มีอำนาจควบคุมตัวบอสพอล หลังสอบปากคำเสร็จก็จะปล่อยตัวไปเช่นเดียวกับกลุ่มบอสดาราคนอื่นๆ
ส่วนที่สังคมกังวลว่าหากปล่อยตัวแล้วอาจเป็นช่องว่างให้กลุ่มบอสชิงหลบหนีออกนอกประเทศระหว่างนี้นั้น ยืนยันว่าตำรวจมีมาตรการในการป้องกันด้วยการประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้เฝ้าระวังกลุ่มบอสแล้ว
ส่วนคดีนี้จะเป็นคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI หรือไม่นั้น พล.ต.ต. โสภณ ระบุว่า อยู่ระหว่างการหารือ แต่ที่ผ่านมา DSI ก็มีการประสานข้อมูลร่วมสืบสวนมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะมีการโอนสำนวนให้ DSI ดำเนินการต่อหรือไม่นั้น ตำรวจก็จะร่วมสืบสวนสอบสวนด้วย เพื่อให้ข้อมูลเกิดความรัดกุมในทุกมิติ
นอกจากนี้ สังคมยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเลขบัตรประชาชนของบอสพอลที่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 ซึ่งอาจเป็นบุคคลที่เคยถือ 2 สัญชาติ หรืออาจเป็นกลุ่มทุนต่างชาติสีเทาที่เข้ามาหาประโยชน์ในการทำธุรกิจกับประชาชนคนไทยหรือไม่นั้น ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
สำหรับยอดผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความวันนี้มี 235 คน ทำให้ยอดรวมผู้เสียหายตอนนี้มีทั้งสิ้น 488 คน รวมความเสียหาย 178 ล้านบาท ทั้งนี้ ฝากประชาสัมพันธ์ผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ได้ โดยไม่ต้องมาแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ซึ่งตำรวจท้องที่จะส่งสำนวนมารวมที่ บก.ปคบ. ทั้งหมด