×

สภา กทม. ให้ความเห็นปมชำระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ต่อผู้ว่าฯ ชัชชาติ ควรรอ ป.ป.ช.-อัยการฯ ชี้ความผิดให้จบแล้วค่อยพิจารณา

โดย THE STANDARD TEAM
10.10.2024
  • LOADING...
รถไฟฟ้าสายสีเขียว

วานนี้ (9 ตุลาคม) ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สี่ (ครั้งที่ 2) ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ,ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, คณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม

 

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงว่า เรื่องการดำเนินการโครงการ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นเรื่องสำคัญมากของทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะเป็นเรื่องอนาคตของกรุงเทพมหานคร ว่า กทม. จะมีทิศทางเดินหน้าอย่างไร โดยจะขอนำเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการ รถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อพิจารณาศึกษาในรายละเอียดต่อไป และจะขอรับความเห็นในการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ต่อสภากรุงเทพมหานคร ว่า ปัจจุบันการบริหารจัดการโครงการส่วนต่อขยายที่ 2 มีปัญหาภาระการจ่ายค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ตามเงื่อนไขในบันทึกข้อตกลงการมอบหมายบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร

 

รวมถึงมีรายได้จากค่าโดยสารไม่เพียงพอ การไม่ชำระค่าจ้างเดินรถอาจส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องคดีอื่นลักษณะเดียวกัน ประกอบกับกรุงเทพมหานครมีงบประมาณอย่างจำกัด และจำเป็นต้องใช้ในภารกิจ ทั้งด้านสังคม, เศรษฐกิจ, การศึกษา และอื่นๆ ทั้งนี้ การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ 2 จะต้องเสนอต่อสภากรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณาสนับสนุนรายจ่ายของโครงการในอนาคต จึงขอรับความเห็นในการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จากสภากรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย

 

สำหรับแนวคิดของฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร คือ ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายให้ชัดเจน ว่าการชำระหนี้ตามคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังรอคำตอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด และเมื่อได้ความชัดเจนแล้ว จะนำเรื่องดังกล่าวมาเสนอให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาต่อไป เพราะเป็นอนาคตของกรุงเทพมหานครที่ต้องดำเนินการ

 

โดยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ร่วมแสดงความคิดเห็น ประกอบด้วย สุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก. เขตจอมทอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายบริหารของกรุงเทพมหานครมีการเตรียมข้อมูลเสนอสภากรุงเทพมหานครอย่างละเอียด โดยสภากรุงเทพมหานครได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบ โดยคณะกรรมการวิสามัญฯ แต่ละท่านล้วนมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และค้นคว้าข้อมูลประกอบการพิจารณาเรื่องนี้มานานกว่า 1 ปี จึงเห็นควรให้คณะกรรมการวิสามัญฯ ชุดดังกล่าวพิจารณาในเรื่องนี้ และสภากรุงเทพมหานครแห่งนี้ควรช่วยกันเร่งผลักดันในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว เพราะส่งผลกระทบกับดอกเบี้ยรายวันที่ กทม. ต้องชำระ

 

นภาพล จีระกุล ส.ก. เขตบางกอกน้อย กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ ชุดดังกล่าว พบว่าที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้ชี้มูลเข้ามาว่าการทำสัญญาส่วนต่อขยายที่ 1 เป็นการเสนอราคาแบบไม่เป็นธรรม เนื่องจากมีเอกชนเพียงเจ้าเดียวในการเสนอราคา แต่ไม่มีการชี้มูลความผิดในเรื่องการก่อสร้างส่วนต่อขยายที่ 2 แต่ก็เป็นภาระหนี้ของ กทม. ที่ต้องชำระหนี้ โดยต้องเสียดอกเบี้ยวันละ 2.7 ล้านบาท และหากการพิจารณาการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ช้า ก็จะยิ่งสร้างความเสียหายในการชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้น โดยต้องชำระเป็นรายปี

 

หากหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ต้องชำระตามกฎหมาย ในอนาคตอาจจะมีการจัดตั้งงบประมาณรายปีเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว และหากการพิจารณาการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 สามารถหาข้อสรุปได้รวดเร็ว ก็จะทำให้ กทม. วางแผนด้านงบประมาณการเงินและการชำระหนี้รายปีได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 

พีรพล กนกวลัย ส.ก. เขตพญาไท กล่าวว่า กทม. คือเจ้าของทรัพย์สินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้ง 2 ส่วน แต่ผู้ให้บริการเดินรถบนทรัพย์สินของ กทม. กลับได้กำไรจากการเดินรถเพียงฝ่ายเดียว กทม. จึงควรทบทวนในเรื่องของอัตราการเดินรถโดยสารให้สมควรและมีความเป็นธรรมต่อไปในอนาคต และขอให้ฝ่ายบริหาร กทม. ขอรับคำตอบที่ชัดเจนของการชี้มูลความผิดจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุด ก่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า กทม. ชำระหนี้ตามความผิดของสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมาย

 

ตกานต์ สุนนทวุฒิ ส.ก. เขตหลักสี่ กล่าวว่า การพิจารณาและญัตติดังกล่าวในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับงบประมาณของกรุงเทพมหานคร จึงควรพิจารณาเป็นกรณีไป ขอฝากฝ่ายบริหารของกรุงเทพมหานครพิจารณาในแต่ละกรณีให้ถี่ถ้วน เช่น กทม. ควรชำระหนี้หรือไม่ หากสัญญาการจ้างเดินรถดังกล่าวเป็นโมฆะ การเดินรถจะกลับมาเป็นของ กทม. แล้วจะมีการทำสัญญาเดินรถกับบริษัทรายใหม่พร้อมหารายได้ในช่องทางอื่นๆ กลับมาให้ กทม. หรือไม่ ซึ่ง ดร.เมธาวี ธารดำรงค์ ส.ก. เขตปทุมวัน กล่าวสนับสนุนประเด็นดังกล่าว โดยให้ผู้บริหาร กทม. ปรึกษากับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายก่อนดำเนินการทุกโครงการเพื่อประโยชน์ของ กทม. ต่อไป

 

วิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก. เขตมีนบุรี ให้ข้อสังเกตว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสามารถส่งรายละเอียดต่างๆ ให้คณะกรรมการวิสามัญฯ พิจารณาศึกษาเรื่องนี้ได้โดยตรง แต่หากต้องการให้สภากรุงเทพมหานครแห่งนี้พิจารณาเรื่องดังกล่าวร่วมกัน ควรต้องนำเอกสารหลักฐานของเนื้อหาสำนวนมูลความผิดจาก ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุดมาให้ละเอียดครบถ้วน เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะมีผลกระทบกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายที่ 2 หรือไม่

 

พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก. เขตยานนาวา กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญมาก เนื่องจากมีผลกระทบกับพี่น้องประชาชน ดังนั้น กทม. จึงต้องสร้างความชัดเจนว่า หาก กทม. จ่ายชำระหนี้ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดกว่าหมื่นล้านบาทนั้น การชำระหนี้ก้อนนั้นถูกต้องหรือไม่ และหากศาลปกครองสูงสุดตัดสินว่า กทม. ไม่ต้องชำระหนี้ดังกล่าว กทม. สามารถฟ้องร้องนำเงินที่ชำระหนี้คืนมาจากเอกชนได้หรือไม่ โดยต้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการให้ครบทุกด้าน เพื่อให้ประชาชนทราบว่า กทม. พร้อมที่จะชำระหนี้ตามคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด แต่ต้องรอการตรวจสอบในรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป

 

สมชาย เต็มไพบูลย์กุล ส.ก. เขตคลองสาน กล่าวเสริมว่า การชำระหนี้ตามคำสั่งของศาล ส่วนหนึ่งก็เป็นหน้าตาของกรุงเทพมหานคร ว่าสามารถปฏิบัติได้ตามที่ศาลตัดสิน และ กทม. มีความพร้อมที่จะชำระหนี้ตามที่ศาลตัดสิน เพียงแต่ขณะนี้ขอรอความชัดเจนการชี้มูลความผิดจาก ป.ช.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน โดยขอฝากอีกหนึ่งแนวคิดให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาว่า กทม. สามารถนำเงินที่จะชำระหนี้ไปชำระไว้ก่อนที่สำนักงานวางทรัพย์ กรมบังคับคดี ตามมาตรา 331 คือ กรณีเจ้าหนี้บอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ และกรณีเจ้าหนี้ไม่สามารถจะรับชำระหนี้ได้ เพื่อเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยรายวันในกรณีที่คดียังอยู่ในการพิจารณาได้หรือไม่

 

ทั้งนี้ สภากรุงเทพมหานครให้นำเรื่องการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ให้คณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาศึกษาในรายละเอียด และรอคำตอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุดในการชี้มูลความผิด และเมื่อได้ความชัดเจนแล้ว ให้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาต่อไป

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X