Dusit Thani Bangkok หนึ่งในโรงแรมระดับไอคอนิกของกรุงเทพมหานคร เปิดบ้านรับแขกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงชื่นชมถึงงานออกแบบที่สวยงาม และยังคงความเป็นดุสิตธานี กรุงเทพ ของเดิมไว้อย่างครบถ้วน ภาพห้องนอนที่เผยให้เห็นวิวสวนลุมพินีแบบเต็มตา ห้องประชุมสี่เหลี่ยมที่ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางสวน หรือแม้แต่รูปแบบตัวอาคารสีทองที่ส่องแสงเจิดจรัสอวดความงามของตัวสถาปัตยกรรมทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งหมดล้วนเป็นผลงานการออกแบบของ ‘André Fu’ สถาปนิกผู้อยู่เบื้องหลังโรงแรมดังหลายแห่งในฮ่องกงและเอเชีย
ท่ามกลางความตื่นตาของนักพักผ่อนในช่วงวันเปิดโรงแรมวันแรก เรานั่งพูดคุยกับเขาในบรรยากาศสบายๆ บริเวณล็อบบี้โรงแรม ถึงประสบการณ์การออกแบบดุสิตธานี กรุงเทพ ความยากง่ายคืออะไร และส่วนไหนของโรงแรมที่เขาอยากให้นักพักผ่อนสัมผัสที่สุด
ซ้าย: André Fu สถาปนิก และเจ้าของบริษัท André Fu Studio
ขวา: จอย-ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ Managing Director, Dusit Estate และ Group Creative Strategy
Q: เล่าประสบการณ์การออกแบบ ดุสิตธานี กรุงเทพ ให้เราฟังหน่อย?
André: ดุสิตธานี ถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ และการต้อนรับแบบไทย โรงแรมนี้ถูกสร้างครั้งแรกในปี 1970 อาคารเดิมถูกรื้อไปแล้ว และถูกพัฒนาใหม่เป็นโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค สำหรับผมโปรเจกต์นี้เป็นการเดินทางที่ยาวนาน เราเริ่มโครงการในปี 2018 และใช้เวลานาน 6-7 ปี คนไทยหลายคนเติบโตขึ้นมาและใช้บริการโรงแรมนี้มาหลายครั้ง ผมมีเพื่อนหลายคนที่พ่อแม่เคยพามาที่ดุสิตธานี กรุงเทพ ตั้งแต่ยังเด็ก บางคนพ่อแม่แต่งงานที่โรงแรมนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้น โรงแรมนี้จึงเป็นสถานที่เชื่อมโยงผู้คน มีประวัติศาสตร์ และฝังรากอยู่ในเมืองนี้
ตอนได้รับโจทย์ สำหรับผมในฐานะคนต่างชาติรู้สึกเป็นเกียรติ ความท้าทายคือเราจะเก็บกลิ่นอายของโรงแรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างไร ขณะเดียวกันก็ต้องเติมความสดใหม่และความทันสมัยเข้าไปด้วย เราอยากให้ทุกคนเข้ามาแล้วรู้สึกคุ้นเคย แต่อีกสัมผัสก็มีความไม่คุ้นเคยในคราวเดียว ผมโชคดีที่มีทีมไทยให้การช่วยเหลือ เรามีการรีเสิร์ชข้อมูลกันเยอะมาก ศึกษาจากเอกสารเก่าและรูปถ่ายเก่ามากมาย
Q: งานออกแบบคราวนี้คุณให้ความสำคัญกับสวนลุมพินีมาก อะไรเป็นแรงบันดาลใจ และทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
André: ครั้งแรกที่ผมมาเยี่ยมชมสถานที่นี้ ผมขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคาร และมองเห็นสวนลุมพินีจากมุมมองที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันเหมือนกับ Central Park ในนิวยอร์ก มีสวนที่สวยงามและตึกระฟ้าอยู่ด้านหลัง เป็นภาพสะท้อนความเป็นเมือง แต่ก็มีโอเอซิสที่เป็นธรรมชาติอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งให้ความรู้สึกสงบ
ในการออกแบบห้องพัก ผมต้องการให้แขกมองเห็นทิวทัศน์ของสวนลุมพินี ผมจึงออกแบบหน้าต่างขนาดใหญ่ และที่นั่งที่สามารถนั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินกับวิวของเมืองและสวน ในส่วนห้องบอลรูม ผมออกแบบให้มีหน้าต่างบานใหญ่ถึง 55 เมตรสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของสวนลุมพินีได้
Q: นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมองกรุงเทพฯ ในมุมที่ต่างออกไปใช่ไหม?
André: ใช่ครับ ตอนผมมาดุสิตธานี กรุงเทพ ครั้งแรก ผมอยู่แต่พื้นที่ชั้นล่าง ผมไม่เคยขึ้นไปเห็นวิวจากด้านบนมาก่อน ผมรู้สึกประทับใจมาก เหมือนกับว่าผมไม่เคยเห็นกรุงเทพฯ ในลักษณะนี้มาก่อนเลย
Q: คุณสร้างสมดุลระหว่างความสะดวกสบาย ความหรูหรา รวมถึงความดั้งเดิมของดุสิตธานี กรุงเทพ อย่างไร
André: ผมคิดว่าความสะดวกสบายเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อออกแบบต้องคำนึงถึงสิ่งที่แขกพบเจอ พวกเขาเห็นอะไร นั่งที่ไหน วางของตรงไหน นอนตรงไหน ดังนั้นผมคิดว่าการออกแบบโรงแรมคือการออกแบบประสบการณ์ของแขก ทุกสิ่งที่เราออกแบบมุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกสบายให้แก่แขก ในส่วนความหรูหรา ผมเชื่อว่าเกิดจากการสร้างสมดุล และที่พักเดิมมีองค์ประกอบแบบไทยที่แข็งแกร่งมาก ความท้าทายของผมคือจะออกแบบอย่างไรให้เกิดความรู้สึกที่แท้จริง มีความเป็นไทยจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่การตีความวัฒนธรรมไทยแบบผิวเผินจากคนต่างชาติ
ถึงแม้ว่าผมจะเคยมาเยือนกรุงเทพฯ หลายครั้งในชีวิต แต่ก็เคยเข้ามาที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เพียง 1-2 ครั้งก่อนจะเริ่มโครงการนี้ สิ่งที่พิเศษและยากสำหรับผมคือ ที่นี่มีทรัพย์สินดั้งเดิมที่เป็นที่รักของคนไทยจำนวนมาก ซึ่งผมอาจไม่เคยตระหนักมาก่อน ดังนั้น ผมจึงพยายามเก็บเกี่ยวสิ่งที่ผมเห็นว่าเหมาะสมนำมาใช้ใหม่ บางชิ้นเป็นของเดิมเก็บไว้แล้วเอามาตกแต่งใหม่ บางชิ้นนำมาปรับใหม่ให้เหมาะสมมากขึ้น อย่างสิ่งที่คุณเห็นเหนือศีรษะเรา เช่น รูปทรงเรขาคณิตนี้ เคยอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมเดิม ยากที่จะอธิบายทุกอย่างอย่างเจาะจง แต่ผมพยายามคงมรดกของดุสิตธานีดั้งเดิมไว้ ในขณะเดียวกันก็นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
Q: ขั้นตอนการออกแบบไหนที่คุณชอบมากที่สุด?
André: น่าจะเป็นช่วง 2 ปีสุดท้าย เป็นช่วงที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผมและทีมงานท้องถิ่นมีการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ผมคิดว่าพลังงานนี้เป็นสิ่งที่หายาก และผมรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงานกับทีมที่มีความทุ่มเทและรักในงานอย่างลึกซึ้ง
Q: ส่วนไหนของโรงแรมที่คุณชอบที่สุด และอยากให้แขกที่มาพักสัมผัสประสบการณ์นั้น
André: ยากที่จะเลือกจุดใดเป็นพิเศษ เพราะทุกส่วนมีความพิเศษในตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงช่วงเวลาที่พิเศษที่สุด ผมคิดว่าคงเป็นห้องพัก เพราะเราตั้งใจสร้างสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง เรานำห้องพักในดุสิตธานีเดิมซึ่งมีไม้เป็นองค์ประกอบหลัก และนำมาปรับใช้ในห้องใหม่ คุณจะเห็นงานไม้ละเอียดอ่อน มีภาพเพนต์ฝาผนังและหัวเตียงจากโรงแรมเดิม แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ทำที่นั่งเล่นริมหน้าต่างกว้างถึง 5 เมตร มองเห็นสีเขียวของสวนลุมพินี บ่งบอกถึงความทันสมัย สีที่ใช้ก็เป็นสีเขียวอ่อน สีทองแชมเปญ และสีงาช้าง ช่วยสร้างบรรยากาศผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสบาย
สำหรับใครที่อยากพักผ่อนที่ Dusit Thani Bangkok ตอนนี้ทางโรงแรมมีข้อเสนอพิเศษ ‘An Icon Reimagined’ ด้วยราคาห้องพักเริ่มต้น 12,000++ บาท พร้อมเครดิตพิเศษมูลค่า 2,700 บาทสุทธิ สำหรับทุกคืนที่เข้าพัก ให้ได้เพลิดเพลินในบริการอาหารและเครื่องดื่ม หรือสปาของโรงแรม ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 2567 สำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2567 – 31 มีนาคม 2568
รายละเอียดเพิ่มเติม www.dusit.com/dusitthani-bangkok
ภาพ: พลอยจันทร์, Dusit Thani Bangkok, ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์
