อิหร่าน ยิง ขีปนาวุธ นับร้อยโจมตีอิสราเอล ไซเรนดังทั่วประเทศ

อิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธโจมตีใส่หลายเมืองของอิสราเอลวานนี้ (1 ตุลาคม) ส่งผลให้มีเสียงไซเรนเตือนภัยดังขึ้นทั่วประเทศ โดยกองทัพอิสราเอลประเมินว่า มีขีปนาวุธราว 180 ลูกถูกยิงใส่อิสราเอล แต่ส่วนใหญ่สามารถสกัดไว้ได้โดยความร่วมมือของกองทัพอิสราเอลและสหรัฐฯ

เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าวแล้ว 1 คน เป็นชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ และมีรายงานว่าโรงเรียนในพื้นที่ภาคกลางและร้านอาหารในกรุงเทลอาวีฟได้รับความเสียหาย

ภายหลังเกิดเหตุ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (Islamic Revolutionary Guard Corps: IRGC) ออกแถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งนี้เป็นการตอบโต้อิสราเอลที่ลอบสังหารผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่าน ฮิซบอลเลาะห์และฮามาส และยืนยันว่าเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมเตือนว่า หากอิสราเอลตอบโต้จะต้องเผชิญกับการโจมตีขั้นเด็ดขาด

ขณะที่ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน โพสต์ข้อความทาง X ระบุว่า การโจมตีนั้นสิ้นสุดแล้ว แต่เตือนว่าหากอิสราเอลตัดสินใจตอบโต้อีก อิหร่านจะโจมตีกลับอย่างรุนแรงและทรงพลังมากขึ้น

“การดำเนินการของเราถือว่าสิ้นสุด เว้นแต่ว่าอิสราเอลจะตัดสินใจตอบโต้ ในสถานการณ์นั้น การตอบโต้ของเราจะยิ่งแข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้น”

ด้าน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล แถลงว่า อิหร่านได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ และจะต้องชดใช้ต่อการโจมตีที่เกิดขึ้น

“อิหร่านทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในคืนนี้ และจะต้องชดใช้ ใครก็ตามที่โจมตีเรา เราจะโจมตีพวกเขา” เนทันยาฮูกล่าว

ขณะที่ โยอัฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ซึ่งบัญชาการการยิงสกัดขีปนาวุธของอิหร่าน ก็ประกาศจะลงโทษอิหร่านสำหรับการโจมตีครั้งนี้เช่นกัน

“อิหร่านไม่ได้เรียนรู้บทเรียนง่ายๆ ว่าผู้ที่โจมตีอิสราเอลจะต้องชดใช้ในราคาที่แพงมาก”

สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลเดินหน้าการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยหลายฝ่ายกังวลว่าการโจมตีล่าสุดของอิหร่านอาจส่งผลให้สงครามในตะวันออกกลางขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น

ล่าสุด พบว่าราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าความขัดแย้งที่ลุกลามอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน เนื่องจากอิหร่านถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 7 ของโลก โดยราคาน้ำมันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% อยู่ที่ 74.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ภาพ: REUTERS / Amir Cohen TPX IMAGES OF THE DAY

อ้างอิง: