แม้ว่าศิลปิน K-Pop จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในระดับโลก ทำลายสถิติต่างๆ บน YouTube, Spotify และ Billboard Charts แต่ราคาหุ้นของบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ หรือ ‘Big 4’ กลับร่วงลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้
HYBE Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุด มีราคาหุ้นลดลง 29% ในขณะที่ SM Entertainment, JYP Entertainment และ YG Entertainment ก็มีราคาหุ้นลดลง 36%, 37% และ 56% ตามลำดับ
Spotify เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2018 ยอดสตรีมเพลง K-Pop บนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นกว่า 180% ในสหรัฐอเมริกา, กว่า 420% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกว่า 360% ทั่วโลก นอกจากนี้ในปี 2023 เพียงปีเดียว ศิลปินเกาหลีใต้ถูกค้นพบโดยผู้ฟังใหม่เกือบ 2.2 พันล้านครั้งบน Spotify
วง BTS และ BLACKPINK เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่โดดเด่น BTS เป็นศิลปินที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ขณะที่ BLACKPINK เป็นวง K-Pop วงแรกที่ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Coachella และเป็นวงเกาหลีใต้วงแรกที่ได้เป็น Headline ในเทศกาลดนตรีใหญ่ของอังกฤษอย่าง BST Hyde Park ส่วน NewJeans และวงบอยแบนด์ Stray Kids ยังได้แสดงที่ Lollapalooza ในปีนี้เช่นเดียวกัน
นักวิเคราะห์คิมกยูยอน จาก Mirae Asset Securities ชี้ว่า มีหลายปัจจัยที่ซับซ้อน ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัท K-Pop ร่วงลง แม้ว่า BTS และ BLACKPINK จะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ศิลปินรุ่นใหม่ยังไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกันในตลาดตะวันตก นอกจากนี้ BTS ก็กำลังอยู่ในช่วงพักวงเนื่องจากการเกณฑ์ทหาร และสมาชิก BLACKPINK ก็เลือกที่จะทำโปรเจกต์เดี่ยวภายนอกค่าย
ผลประกอบการของบริษัท Big 4 ก็ลดลงเช่นกัน โดยทุกบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กำไรจากการดำเนินงานของ YG Entertainment ลดลงถึง 94.5% ขณะที่ JYP Entertainment ลดลง 79.6% ส่วน SM Entertainment และ HYBE ลดลง 30.7% และ 37.4% ตามลำดับ
การลดลงของกำไรเกิดขึ้นในขณะที่ยอดขายอัลบั้มส่งออกของเกาหลีใต้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ยอดจัดส่งอัลบั้มในช่วงครึ่งแรกของปีของบริษัท Big 4 ลดลงจาก 53.45 ล้านชุดในปี 2023 เหลือ 44.74 ล้านชุด
คิมชี้ว่า ยอดขายอัลบั้มที่ลดลงไม่เพียงส่งผลกระทบต่อรายได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความยั่งยืนของการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยอดขายอัลบั้มลดลง ในขณะที่รายได้จากการสตรีมมิงยังคงคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้รวม
ถึงแม้ว่ายอดสตรีมมิงเพลงของศิลปินเกาหลีใต้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากและสร้างรายได้กว่า 1.80 แสนล้านวอน (ประมาณ 4.5 พันล้านบาท) จนถึงวันที่ 3 กันยายน 2024 แต่ก็ยังไม่สามารถทดแทนรายได้จากการขายอัลบั้มได้
โดยคิมชี้ให้เห็นว่ารายได้จากการสตรีมมิงยังคงเป็นส่วนเล็กๆ ของรายได้รวมของบริษัทเหล่านี้ โดยในปี 2023 รายได้จากการสตรีมมิงของ HYBE คิดเป็นเพียง 13% ของรายได้รวม ในขณะที่ SM Entertainment และ JYP Entertainment มีสัดส่วนน้อยกว่าที่ 10%
“แม้ว่าการสตรีมมิงจะกลายเป็นช่องทางหลักในการฟังเพลง แต่การขายอัลบั้มยังคงเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาหลีใต้ที่แฟนคลับมักจะซื้ออัลบั้มจำนวนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าร่วมงานแฟนไซน์ (Fansign) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่แฟนๆ จะได้พบปะและรับลายเซ็นจากศิลปิน” คิมกล่าว
ท่ามกลางสถานการณ์ที่แม้จะดูไม่สดใสนัก แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองบวกต่อหุ้นของบริษัท Big 4 โดยคาดการณ์ว่ากิจกรรมของศิลปิน เช่น การคัมแบ็กและคอนเสิร์ต จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 และต่อเนื่องไปถึงปี 2025 ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการของแต่ละบริษัท
อ้างอิง: