×

‘ส.อ.ท.’ เผยยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค. หดตัว 16.6% ยอดขายร่วง 14 เดือนติด จับตาสถานการณ์น้ำท่วม ห่วงซ้ำเติมกำลังซื้อหลังหนี้เสียรถยนต์พุ่งสูง 2.5 แสนล้าน

27.08.2024
  • LOADING...

ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนกรกฎาคมลดลง 16.62% ยอดขายร่วง 20.58% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 ขณะที่ยอดส่งออกปรับตัวลดลง 22.70% จากผลกระทบสงครามในตลาดหลักอย่างตะวันออกกลาง พร้อมจับตาสถานการณ์น้ำท่วม ห่วงกระทบซ้ำกำลังซื้อ หลังหนี้ครัวเรือนยังพุ่งและหนี้เสียรถยนต์แตะระดับ 2.5 แสนล้านบาท

 

วันนี้ (27 สิงหาคม) สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยสถิติการผลิตรถยนต์เดือนกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 124,829 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 16.62% เนื่องจากการผลิตขายในประเทศลดลงถึง 40.85% ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงจากการให้สินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงิน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ

 

อย่างไรก็ตาม ยอดผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่ 7.34% ส่งผลให้เวลาทั้งหมด 7 เดือนของปี 2657 (เดือนมกราคม-กรกฎาคม) รวมแล้วผลิตได้ 886,069 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.28%

 

 

ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 46,394 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่ 2.66% และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 20.58% ถือเป็นตัวเลขยอดขายที่ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 เพราะการให้สินเชื่อที่เข้มงวด โดยเฉพาะรถกระบะและรถบรรทุกที่เน้นขายในประเทศ แน่นอนว่าความกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 91% ของ GDP ไทย และเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำในอัตรา 1.5% ในไตรมาสที่ 1/67 บวกกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ผ่านมาที่ล่าช้าก็มีผลต่อยอดขาย

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

อย่างไรก็ตาม หวังว่ารัฐบาลใหม่จะเร่งรัดการเบิกจ่ายและมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาโดยเร็ว แต่ต้องดูว่านโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่จะมีอะไรบ้าง ทั้งนี้ สุรพงษ์เชื่อว่า 4 เดือนหลังจากนี้เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่อยากให้เพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน เพิ่มรายได้ให้ประชาชน และทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมทั้งทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้นด้วย

 

“ต้องยอมรับว่ายอดขายรถยนต์ยังคงชะลอตัว สาเหตุหลักมาจากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศที่โตต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง สถาบันการเงินค่อนข้างเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สิ้นไตรมาส 2 หนี้เสียรถยนต์อยู่ที่ 2.54 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 29.7% แม้ยอดหนี้ลดลง ขณะนี้ก็ต้องจับตาสถานการณ์น้ำท่วมว่าจะมีผลกระทบต่อการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศมากน้อยเพียงใด” สุรพงษ์กล่าว

 

สงครามตะวันออกกลางฉุดส่งออกร่วง 22.7%

 

ส่วนสถานการณ์การส่งออกเดือนกรกฎาคม 2567 ส่งออกได้ 83,527 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว 6.22% และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 22.7% เนื่องจากติดขัดปัญหาเส้นทางการขนส่งไปตะวันออกกลางและยุโรปจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสรอบใหม่ การส่งออกจึงลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

 

“กรณียอดส่งออกรถยนต์ เราได้รับผลกระทบมาแล้วหลายเดือน แต่ไม่มากมายนัก เพิ่งกลับมาหนักขึ้นจากสงครามในตะวันออกกลางในช่วงที่รุนแรงขึ้น ทำให้จำนวนเรือที่ส่งออกและกลับเข้ามารับต้องอ้อมและเดินทางมารับรุ่นต่อไปได้น้อยลง แต่ต้องบอกก่อนว่าตัวเลขที่ลดลง เราส่งออกไปก่อนปีที่แล้วแสนกว่าคัน ถือว่าส่งออกช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้วค่อนข้างสูง ดังนั้นยังไม่มีการปรับเป้าการส่งออกและยังอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน เพราะเราดูแล้วว่าประเทศคู่ค้ามีเพียงอินโดนีเซียที่ลดลง ส่วนประเทศอื่นๆ ยอดขายยังดีอยู่ อย่างออสเตรเลีย เม็กซิโก สหรัฐฯ อิตาลี ยังเป็นบวก ส่วนเยอรมนียังต้องดูต่อไป” สุรพงษ์กล่าว

 

รถ BEV และ HEV ราคาต่ำล้านสวนกระแสขายดี

 

อย่างไรก็ตาม สุรพงษ์ระบุว่า แม้ยอดผลิตและยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลงทุกประเภทเมื่อเทียบกับปีก่อน เหตุเพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจและยอดการปฏิเสธสินเชื่อ แต่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) และรถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) มียอดผลิตและยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น สะท้อนว่ารถยนต์ EV ยังคงเป็นที่นิยมของคนไทย ซึ่งบางรุ่นมีราคาถูก งบไม่ถึง 1 ล้านบาทก็สามารถซื้อได้

 

โดยรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ในประเทศในเดือนกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 5,468 คัน เพิ่มขึ้น 8.17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ในประเทศทั้งหมดตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 รวมอยู่ที่ 41,969 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 14.77%

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising