ภาพการโรยตัวลงมาของ ‘อีธาน ฮันต์’ aka ทอม ครูซ สู่สนามสต๊าดเดอฟรองซ์ เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
‘ปารีส 2024’ นั้นจบลงแล้วก็จริง แต่ทุกการสิ้นสุดลงของสิ่งหนึ่งคือการเริ่มต้นของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ และนั่นหมายถึง ‘แอลเอ 2028’ กำลังจะมาถึง
เพียงแต่ปฏิเสธหัวใจได้ยากเหลือเกินว่าโอลิมปิกเกมส์ในมหานครแห่งความรักครั้งนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
ความจริงการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีสนั้นถูกจับตามองด้วยความคาดหวังสูงลิบมาตั้งแต่ครั้งที่รับมอบธงโอลิมปิกเกมส์ อันเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันครั้งต่อไปต่อจากโตเกียวเกมส์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ด้วยวิดีโอเล่าเรื่องราวของสิ่งที่จะเกิดขึ้นที่ทั้งเท่และเก๋ในแบบของฝรั่งเศส ทั้ง Parkour ที่ปีนป่ายไปตามหลังคาของมหานครอันเก่าแก่และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อย่างปารีส ไปจนถึงกีฬาสมัยใหม่อย่างเบรกกิ้งที่ได้รับการบรรจุเข้าเป็นกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรก
ภาพของสนามแข่งขันหน้าสถานที่สำคัญอย่างหอไอเฟล หรือพระราชวังแวร์ซาย เป็นเรื่องที่อยู่เหนือจินตนาการอย่างยิ่ง
และแน่นอนรวมถึงการจัดพิธีเปิดการแข่งขันที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ด้วยการล่องขบวนเรือผ่านแม่น้ำแซน สายน้ำที่โรแมนติกที่สุดในโลก
ทุกอย่างทำให้เราคาดหวังว่าโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้จะพิเศษยิ่งกว่าครั้งไหน
Voilà!
ปารีสไม่ทำให้ใครผิดหวัง
จริงอยู่ที่อาจจะมีประเด็นปัญหาความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องการแสดงในพิธีเปิดการแข่งขันที่สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มชาวคริสเตียน และเรื่องใหญ่อย่างความสะอาดของแม่น้ำแซนที่มีความพยายามทำสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ด้วยการชุบชีวิตสายน้ำแห่งนี้กลับคืนมาเพื่อให้ดีพอสำหรับการแข่งขันทางน้ำ แต่ก็มีปัญหาอยู่มากจนกระทบสุขภาพของนักกีฬา
นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว ‘ปารีส 2024’ นั้นสวยสด งดงาม และสง่าสมศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง
ภาพของการแข่งขันในสถานที่สุดอลังการ โดยเฉพาะกรองด์ ปาเลส์ ที่ใช้จัดการแข่งขันกีฬาฟันดาบและเทควันโดนั้น กลายเป็นหนึ่งในภาพไอคอนิกที่สวยงามจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
คบเพลิงโอลิมปิกเกมส์ที่ลอยขึ้นฟ้า (ในเวลา 22.00 น. ของทุกวัน) คือสิ่งที่ทุกคนที่ไปปารีสในช่วงการแข่งขันต้องมีโอกาสไปชมสักครั้ง
และอีกมากมายหลายอย่าง ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่างถูกคิดมาอย่างดีที่สุด
ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อให้โอลิมปิกเกมส์ที่ปารีสเป็นการแข่งขันที่ทุกคนจดจำ
แต่เพื่อให้เป็นการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ทุกคนจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
ท่ามกลางแง่งามเหล่านั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในปารีสเริ่มต้นจากความกล้าหาญที่จะ ‘ขบถ’ ต่อทุกสิ่ง ตั้งคำถามกับทุกอย่าง และหาคำตอบใหม่โดยใช้หัวใจนำทาง
เพียงแต่ความขบถของ ‘ปารีส 2024’ นั้นตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจดี
พิธีเปิดการแข่งขันในแม่น้ำแซนนั้นเป็นการเปิดประตูบานใหม่ให้แก่โลกใบนี้ ด้วยการบอกว่าพิธีเปิดการแข่งขันไม่จำเป็นที่จะต้องจัดในสนามกีฬาขนาดใหญ่เสมอไป เราสามารถหาวิธีใหม่ที่พิเศษกว่าได้เสมอ เพื่อให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมในวงกว้างขึ้น
ขณะที่การสร้างสนามแข่งขันชั่วคราวใกล้กับแลนด์มาร์กสำคัญนั้น ไม่ได้มีเจตนาเพียงเพื่อจะขายของหรืออวดความสวยงามของบ้านเมืองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ใต้เนื้อหนังมังสานั้น แก่นของเรื่องคือการแสดงให้เห็นว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนสร้างสนามกีฬาด้วยเงินมากมายมหาศาล เพียงเพื่อใช้งานในมหกรรมกีฬาอย่างเดียวแล้วถูกทิ้งร้างไว้
มันทำให้ชวนจินตนาการต่อได้ว่า หากโอลิมปิกจัดที่กรุงเทพฯ บ้าง เราจะมีพิธีเปิดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หรือมีสนามกีฬาอยู่ที่สนามหลวงโดยมีทิวทัศน์ของพระบรมมหาราชวังอยู่ด้านหลังได้บ้างไหม?
ในแง่ของกีฬาเองก็เช่นกัน การบรรจุกีฬาใหม่อย่างเบรกกิ้งหรือการเต้นเบรกแดนซ์เข้ามา ไม่ใช่แค่เรื่องของสีสันหรือความคูล แต่เป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ให้แก่การแข่งขันกีฬาและโอบกอดวัฒนธรรม เป็นการบอกกับคนรุ่นใหม่ว่ามาสิ โอลิมปิกเกมส์ก็เป็นของพวกเธอเหมือนกัน
‘Games wide open’ จริงๆ
แม้ว่าในแอลเอ 2028 จะไม่มีเบรกกิ้ง แต่มีความเป็นไปได้เช่นกันที่กีฬาชนิดนี้จะได้โอกาสในการกลับมาสู่โอลิมปิกเกมส์อีกครั้งในอนาคต หรืออย่างน้อยก็เป็นการจุดประกายให้คนได้รู้ว่า การเต้นที่เราเคยเห็นในหนัง Step Up นั้นเป็นการแข่งขันกีฬาที่จริงจัง สนุก และสร้างสรรค์ได้
และอีกเรื่องที่พยายามอยู่คือการทำให้เป็นโอลิมปิกเกมส์ของความยั่งยืน โอลิมปิกเกมส์ที่สร้างปัญหาให้กับโลกใบนี้น้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ทำแม้กระทั่งการชุบชีวิตแม่น้ำแซนที่เน่าเสียในระดับที่คนปารีเซียงเองบอกกับชาวโลกว่า “แม่น้ำแซนสวยนะ แต่ฉันไม่ลงไปในนั้นหรอก” โดยนอกจากจะตั้งใจให้แข่งขันกีฬาทางน้ำ (ไตรกีฬา, ว่ายน้ำมาราธอน) ในแม่น้ำแซนในการแข่งขันแล้ว แม่น้ำแซนที่ใสและสะอาดขึ้นจะได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชาวเมืองในอนาคตด้วย
แน่นอนครับว่า ‘หัวใจ’ ของปารีส 2024 ย่อมอยู่ที่นักกีฬาและการแข่งขัน
ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์เศษที่ผ่านมา เราได้เห็นการแข่งขันที่เร่าร้อน ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจและไฟฝันให้แก่ผู้คนทั่วโลก
เราได้เห็นความพยายามของตำนานผู้ตั้งใจจะปิดฉากชีวิตการเป็นนักกีฬาของตัวเองที่โรลังด์ การ์รอสอย่าง แอนดี เมอร์เรย์ กับการเซฟ 7 แมตช์พอยต์ในตำนาน รวมถึง ราฟาเอล นาดาล ที่อาจจะไม่ได้กลับมายังสนามที่เป็นเหมือนสวนหลังบ้านของเขาอีกครั้ง
เราได้เห็นน้ำตาและเนื้อตัวที่สั่นเทาของโคตรคนอย่าง โนวัค ยอโควิช กับรางวัลสุดท้ายในชีวิตที่ตามหามาเกือบ 20 ปี
ความกล้าหาญและความฝันที่ลอยในอากาศของ เอริซา ทรูว์ นักสเกตบอร์ดสาวน้อยมหัศจรรย์ชาวออสเตรเลีย ที่เดิมพันวาดลวดลายเหินหาวสุดตระการตาจนได้เหรียญทอง
ความเป็นตัวของตัวเองของ คิมเยจี และ ยูซุฟ ดิเคช นักกีฬายิงปืน ที่กลายเป็นขวัญใจของชาวโลกในชั่วข้ามคืนด้วยบุคลิกและท่ายิงปืนสุดเท่
เราได้เห็นน้ำตาของความพยายามจาก เฉวียนหงฉาน สาวน้อยนักกระโดดน้ำมหัศจรรย์ชาวจีน ที่กลับมาสร้างปรากฏการณ์ต่อในโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้
ทอม เดลีย์ นักกระโดดน้ำชายที่น่ารักที่สุดในโลก กับเหรียญทองของหัวใจที่ไม่ใช่จากการแข่งขัน แต่เป็นการพาครอบครัวมาดูตัวเองแข่งขัน (และคว้าเหรียญเงินได้สำเร็จ)
การไม่ยอมแพ้ของ วิเวียน กง นักฟันดาบสาวชาวฮ่องกง ที่เป็นหนึ่งในความประทับใจแรกๆ ของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้
เราได้เห็นความฝันที่ไม่มีวันหมดอายุของนักกีฬาอาวุโสหลายคน อย่าง แอนดี แมคโดนัลด์ ตำนานสเกตบอร์ดรุ่นบุกเบิก ที่พยายามจนได้มาแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ในวัย 51 ปี หรือ เจิงจื้ออิง นักกีฬาปิงปองทีมชาติชิลี วัย 58 ปี และ หนีเซี่ยเหลียน นักปิงปองอีกคนจากลักเซมเบิร์ก ในวัย 61 ปี
และแน่นอนการอุทิศตัวและหัวใจของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้รับเหรียญรางวัลหรือไม่ก็ตาม
มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่เราเรียนรู้ได้จากพวกเขาเหล่านี้
โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้จึงมีมากกว่าแค่ความสนุกมากมายนัก
เพียงแต่บัดนี้ถึงเวลาที่ม่านของการแสดงจะต้องปิดฉากลงแล้ว
“Merci” ขอบคุณนะ
“Au revoir” ลาก่อน
จะเก็บ “Memoire” ความทรงจำ นี้ไว้ “A tu corazon” ณ ใจกลางของดวงใจ
“Pour toujours”
ตลอดไป