9 สิงหาคม 1945 คืออีกวันหนึ่งที่โลกได้เป็นประจักษ์พยานถึงอานุภาพและความร้ายแรงของระเบิดปรมาณู เมื่อสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณู Fat Man ลงสู่เมืองนางาซากิของญี่ปุ่น จนความเสียหายที่เกิดจากอาวุธมหาประลัยนี้ได้นำไปสู่การสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในภูมิภาคเอเชีย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐฯ ได้พัฒนาระเบิดปรมาณูในโปรเจกต์ลับที่มีชื่อว่า ‘โครงการแมนฮัตตัน’ (Manhattan Project) ประกอบไปด้วยการออกแบบและทดสอบระเบิดปรมาณู 3 ลูกด้วยกัน โดยลูกแรกใช้ในแผนปฏิบัติการ Trinity ซึ่งทดสอบในวันที่ 16 กรกฎาคม 1945 ณ ทะเลทรายอะลาโมกอร์โด มลรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ท่ามกลางความประหลาดใจของผู้พบเห็นแสงสว่างเจิดจ้าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนในที่สุดสหรัฐฯ จะนำมันมาใช้จริงในสงคราม
เหตุผลที่สหรัฐฯ ตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณู เพราะเชื่อว่าอาวุธนี้จะทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงโดยเร็ว สหรัฐฯ หวังให้จักรวรรดิญี่ปุ่นยอมจำนนต่อสงคราม เพื่อไม่ให้ทหาร พลเรือน และดินแดนของสหรัฐฯ ถูกโจมตีเพิ่มเติมอีก หลังเจ็บปวดกับแผลใหญ่อย่างเหตุการณ์การโจมตีที่เพิร์ลฮาร์เบอร์มาแล้ว
และแล้ววันที่ 6 สิงหาคม 1945 สหรัฐฯ ก็ตัดสินใจทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกในสมรภูมิรบ อาวุธมหาประลัย Little Boy ถูกทิ้งลงสู่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น เกิดเป็นลูกไฟยักษ์ แสงสว่างวาบไปทั่วบริเวณ เมฆรูปเห็ดขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือขอบฟ้า เชื่อกันว่ามีผู้คนเสียชีวิตทันทีหลายหมื่นคนด้วยกัน
แม้จะถล่มเมืองฮิโรชิมาด้วย Little Boy ไปแล้ว แต่ต่อมาสหรัฐฯ ก็ตัดสินใจอีกว่าจะทิ้งระเบิดปรมาณูเป็นลูกที่ 2 เพื่อแสดงแสนยานุภาพว่าพวกเขามีอาวุธใหม่ที่พร้อมโจมตีจักรวรรดิญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาก็พร้อมที่จะทิ้งระเบิดปรมาณูลงสู่จักรวรรดิญี่ปุ่นอีกจนกว่าจะยอมศิโรราบอย่างไม่มีเงื่อนไข
แต่แรกนั้นเมืองนางาซากิไม่ใช่เป้าหมายหลัก โดยเป้าหมายที่สหรัฐฯ เล็งไว้ในตอนแรกคือเมืองโคคุระ ที่ตั้งของโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่น กำหนดการคือเช้าวันที่ 9 สิงหาคม 1945 แต่เมื่อเครื่องบินมาถึงเมืองโคคุระก็พบว่ามีเมฆหมอกและควันหนาทึบที่ลอยมาจากการสู้รบในเมืองยาวาตะที่อยู่ใกล้เคียง บดบังทัศนวิสัยของนักบินจนไม่สามารถทิ้งระเบิดได้ ทำให้พวกเขาตัดสินใจเดินทางต่อไปยังเป้าหมายรองลงมา นั่นคือเมืองนางาซากิ
วันที่ 9 สิงหาคม 1945 เวลา 11.02 น. ตามเวลาท้องถิ่น ระเบิดปรมาณูเชื้อเพลิงพลูโตเนียม Fat Man ถูกทิ้งลงสู่เมืองนางาซากิ อานุภาพทำลายล้างของมันเทียบเท่าระเบิด TNT ขนาด 21 กิโลตัน แรงระเบิดทำให้พื้นที่ของเมืองเกือบครึ่งถูกทำลายสิ้นซาก ประชาชนอย่างน้อยราว 40,000-75,000 คนถูกสังหารทันทีจากแรงระเบิด ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 60,000 คน โดยมีรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด ณ สิ้นสุดปี 1945 อาจสูงแตะ 80,000 คน
อานุภาพอันร้ายแรงของระเบิดทั้ง 2 ลูก ทำให้ชาวญี่ปุ่นจมอยู่ในความทุกข์ เสียงร้องไห้ดังระงมบนเศษซากปรักหักพังของอาคารต่างๆ ที่พังพินาศไม่เหลือเค้าโครงเดิม ส่งผลให้ในวันที่ 15 สิงหาคม 1945 ญี่ปุ่นจำต้องประกาศยอมแพ้สงคราม นำไปสู่จุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2
นี่คือเรื่องราวของระเบิดปรมาณูที่ถูกใช้จริงในสงครามเพียง 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ เหตุการณ์ในอดีตนำไปสู่การเรียนรู้ ด้วยความหวังว่า Fat Man จะเป็นลูกสุดท้าย เพื่อไม่ให้มีการสูญเสียที่รุนแรงเช่นนี้อีกไม่ว่าด้วยเหตุผลใดหรือกับชาติใดก็ตาม
ภาพ: US AIR FORCE / AFP
อ้างอิง:
