วันนี้ (7 สิงหาคม) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ครอบครัว ทีมโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด กองเชียร์ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เดินทางมารอให้กำลังใจและต้อนรับ วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักกีฬาแบดมินตันชายเดี่ยว เจ้าของเหรียญเงินในโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 พร้อมกับผู้ฝึกสอน และนักกีฬาทีมชาติไทยคนอื่นๆ นำโดย เมย์-รัชนก อินทนนท์ และ เม-ศุภนิดา เกตุทอง ซึ่งเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ภายหลังการแข่งขันเสร็จสิ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักและอบอุ่น
โดยมี เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มารอต้อนรับด้วยตัวเอง พร้อมกล่าวแสดงความยินดี โดยระบุว่า รัฐบาลได้เตรียมเงินรางวัล 7.2 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกุลวุฒิ ในส่วนนักกีฬารายอื่นที่ไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ แม้ไม่ได้เหรียญรางวัล แต่รัฐบาลเตรียมมอบเงินให้คนละ 1 แสนบาทด้วย
และจะจัดงานเฉลิมฉลองพร้อมกับทัพนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ให้สมกับความสามารถที่ยอดเยี่ยมครั้งนี้ ตนเองดีใจกับทุกคน มองว่ากุลวุฒิจะเป็นตัวอย่างนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งเชื่อว่าลูกหลานนักกีฬาแบดมินตันก็จะเอากุลวุฒิเป็นเยี่ยงอย่างและเป็นพ่อพิมพ์ที่แสนดีให้กับเด็กๆ และเยาวชนต่อไปด้วย โดยรัฐบาลจะส่งเสริมอย่างเต็มที่
กุลวุฒิให้สัมภาษณ์ โดยเริ่มจากกล่าวว่า ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระราชทานช่อดอกไม้จากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่กรุงปารีส ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างมาก และช่อดอกไม้นี้จะเป็นขวัญและกำลังใจให้กับตนเองในการพัฒนาตัวเองต่อไป และด้วยพระบารมีปกเกล้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ตนเองสร้างความสำเร็จให้กับประเทศไทยเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ขอน้อมเกล้าถวายเหรียญโอลิมปิกครั้งนี้แด่พระองค์ท่าน
ก่อนจะตอบคำถามสื่อมวลชนว่า สิ่งที่อยากทำที่สุดเมื่อกลับมาถึงประเทศไทยคือพักผ่อน เนื่องจากช่วงที่แข่งขันกินเวลานานและเดินทางนาน หลังจากนี้ตั้งใจจะพักผ่อนและจัดตารางการฝึกซ้อมอีกครั้ง เพราะมีแผนจะไปแข่งในลีกของญี่ปุ่น
พร้อมยอมรับว่า การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ได้เรียนรู้มากขึ้น ในรอบชิงแชมป์เราเป็นรองจริงๆ จุดอ่อนคือเกมบุกที่ต้องแก้ไข เพราะรอบชิงแชมป์ไม่สามารถทำอะไรคู่ต่อสู้ได้เลย หลังจากนี้จะพยายามพัฒนาเกมบุกของตัวเองให้มากขึ้นด้วย
“โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ไปเรียนรู้มากกว่า เพราะถ้าดูจากสายแข่ง เราเป็นรอง การไปครั้งนี้เป็นการไปเรียนรู้” กุลวุฒิกล่าว
กุลวุฒิกล่าวถึงน้องๆ ในการแข่งขันกีฬาว่า อยากให้น้องๆ มีเป้าหมายก่อนว่าอนาคตอยากเป็นอย่างไร จากนั้นให้ศึกษาหาความรู้ มุ่งมั่น ตั้งใจ อดทน เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนมีโอกาสประสบความสำเร็จ เพราะเชื่อว่าคนที่มีเป้าหมายก็จะรู้ตัวเองว่าควรต้องทำอะไร และตนเองรู้สึกดีใจที่ได้เป็นไอดอล เป็นตัวอย่างให้กับน้องรุ่นหลังๆ ก็จะพยายามทำตัวอย่างให้ดีเพื่อให้น้องได้เดินตาม
ส่วนตนเองมีรัชนกเป็นต้นแบบและเป็นตัวอย่างที่ดี เชื่อว่าอีก 4 ปีข้างหน้า รัชนกจะมีเหรียญในโอลิมปิกเกมส์แน่นอน
กุลวุฒิกล่าวขอบคุณแรงเชียร์ของคนไทยจากทุกช่องทาง ตนเองรู้สึกซาบซึ้งและดีใจมากที่สามารถคว้าเหรียญให้กีฬาแบดมินตันประเทศไทยได้
พร้อมขอบคุณบ้านทองหยอด และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่คอยสนับสนุนและผลักดัน รวมถึงครอบครัวและน้องสาวของตนที่เป็นกำลังใจให้ตลอด และตนจะพยายามทำผลงานให้ดีขึ้น
ส่วน โค้ชเป้-ภัททพล เงินศรีสุข ตนอยากบอกว่า “ตอนนี้ผมได้เหรียญโอลิมปิกแล้ว ไม่ได้เหรียญทองก็ไม่เป็นไร พยายามเต็มที่แล้ว วันนี้ได้แชมป์โลกมาแล้ว ได้ที่ 2 ก็จริง แต่อีก 4 ปีจะพยายามทำผลงานให้ดีขึ้นกว่านี้”
ส่วนกรณีการผลักดัน ส้ม-สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ น้องสาวมาแข่งขันนั้น กุลวุฒิกล่าวว่า จะพยายามสอนน้องว่าการเล่นทำอย่างไร รูปแบบเกมเล่นอย่างไร บางทีน้องไปแข่ง คิดไม่ออก เราก็แนะนำประสบการณ์ที่เจอ สื่อสารให้น้องไป และหวังว่าน้องจะพัฒนาตัวเองมาเล่นในระดับโลกได้ ถ้าเป็นไปได้อยากไปแข่งเวิลด์ทัวร์กับน้อง
กุลวุฒิกล่าวอีกว่า เมนูอาหารที่อยากรับประทานที่สุดตอนนี้คือ ชาบู ปิ้งย่าง บุฟเฟต์ เพราะชอบมาก
ด้านโค้ชภัททพล ในฐานะผู้อำนวยการ โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด และผู้ฝึกสอนกุลวุฒิ เปิดเผยว่า ผลงานของกุลวุฒิในโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกแล้วได้เหรียญเงิน ส่วนตัวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่อาจจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างแต่ไม่ได้เสียใจใดๆ วันที่ร่วมแข่งกับ วิกเตอร์ แอ็กเซลเซน ในรอบชิงชนะเลิศ ยอมรับว่าทุกคนก็ต้องคาดหวังว่าอยากจะได้เหรียญทอง ตัวเองก็มีความหวัง จึงตามมาด้วยความกดดัน จริงๆ วันนั้นกุลวุฒิมีสมาธิที่สู้แอ็กเซลเซนได้ แต่สิ่งที่สู้ไม่ได้ก็คือสภาพร่างกายและประสบการณ์ เราเองจึงต้องกลับมาพัฒนาร่างกาย รวมไปถึงเกมบุก ยกระดับกุลวุฒิขึ้นมาอีกขั้นให้ได้ ให้อยู่ในระดับการชนะเฉลี่ยอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ให้ได้
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการที่นักกีฬาคนหนึ่งจะได้เข้าชิงในโอลิมปิกเกมส์เป็นเรื่องที่ยากมาก ประสบการณ์ที่ได้จากแอ็กเซลเซนต้องเก็บเอาไว้มาพัฒนาตัวเองเยอะๆ เชื่อว่ากุลวุฒิได้ประสบการณ์ดีๆ กลับมาแน่นอน และจะพัฒนาตัวเองให้หนักขึ้น
“วงการแบดมินตันตอนนี้พัฒนาไปไกลมาก ความสำเร็จของกุลวุฒิจะทำให้มีหน่วยงานเข้ามาร่วมสนับสนุนวงการแบดมินตันไทยมากขึ้น และน่าจะมีนักกีฬาหน้าใหม่ที่เก่งๆ มาประดับวงการ เชื่อว่านักกีฬาแบดมินตันไทยสู้กับทั่วโลกได้ อยากให้ทุกคนให้กำลังใจนักกีฬามากๆ อนาคตเราจะคว้าเหรียญได้มากกว่านี้” ภัททพลกล่าว