×

จับตาเลือกตั้งสหรัฐฯ ป่วนทำหุ้นกลุ่ม ‘ชิป’ ผันผวนระยะสั้น ผวานโยบายจำกัดส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปจีน

26.07.2024
  • LOADING...

SCBAM ประเมินหุ้นกลุ่มชิปปรับฐาน เป็น Healthy Correction ชี้ ปัจจัยพื้นฐานยังดีต่อเนื่องรับอานิสงส์บิ๊กเทค เร่งซื้อชิปพัฒนา AI สู้กับคู่แข่ง

 

สิทธา เซ่งไพเราะ Associate Director, ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth เกี่ยวกับสถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยประเมินว่ากรณีที่พรรคเดโมแครตมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จาก โจ ไบเดน มาเป็น คามาลา แฮร์ริส ถือว่ามีความสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่มองว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน มีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นโจ ไบเดน

 

จึงส่งผลให้การแข่งขันการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้มีความสูสีมากขึ้น รวมทั้งทำให้มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจะสร้างความผันผวนกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ในระยะสั้น

 

ทั้งนี้ วิเคราะห์ว่า ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ท่าทีในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน ก็จะยังมีความเข้มงวดหรือแข็งกร้าวต่อไป แต่อาจปรับเปลี่ยนวิธีการไป

 

ดังนั้น ปัจจัยนี้จะเป็นประเด็นที่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มชิป เนื่องจากสหรัฐฯ จะยังมีนโยบายควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีชั้นสูงจากสหรัฐฯ ที่เข้มงวดไปยังจีน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังคงดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป

 

สำหรับภาพการลงทุนในระยะกลาง SCBAM มีมุมมองว่าควรพิจารณาข้อมูลของผลประกอบการ รวมถึงทิศทางการเติบโตของกลุ่มชิปในระยะต่อไปเป็นหลักมากกว่า โดยในช่วงที่ผ่านมาผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังสามารถเติบโตได้ดี และปรับตัวในเชิงของธุรกิจได้ดี โดยทั้ง ASML กับ NVIDIA ที่ปรับตัวรวมถึงปรับโปรดักต์เพื่อให้สามารถส่งออกสินค้าไปยังจีนได้เช่นเดิม

 

“ปัจจัยการเมืองของสหรัฐฯ จะมากดดันบรรยากาศการลงทุนหุ้นในกลุ่มชิปบ้างในระยะสั้น แต่ภาพระยะกลางและระยะยาวควรดูที่การเติบโตของกลุ่มชิปและการปรับตัวของธุรกิจ”

 

ผลประกอบการ 2Q24 กลุ่ม ‘ชิปต้นน้ำ’ ดีกว่าคาด

 

ขณะที่ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีใน 2Q24 ที่ทยอยออกมาซึ่งเติบโตดีนั้น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ แต่ยังมีความกังวลต่อปัจจัยลบอื่นๆ ที่อาจมากดดันให้ราคาหุ้น ประกอบกับราคาหุ้นกลุ่มเทคในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง ดังนั้นข้อมูลข่าวเชิงลบจะมีน้ำหนักต่อหุ้นกลุ่มนี้มากกว่าข่าวเชิงบวก

 

โดยข้อมูลของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ออกมาสะท้อนถึงพื้นฐานภาพระยะกลางในอนาคตที่ยังดี ซึ่งจากข้อมูลของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปต้นน้ำ ทั้ง ASML, NVIDIA และ SK HYNIX ต่างก็รายงานผลประกอบการ 2Q24 ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

 

ขณะที่ TSMC มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในปี 2024 เพิ่มขึ้นด้วย โดยซีอีโอของ TSMC ยังมาออกให้ข้อมูลว่า ดีมานด์ของลูกค้ายังมีจำนวนมากกว่าซัพพลายของบริษัทที่มีอยู่ ดังนั้นบริษัทมีแผนจะเพิ่มซัพพลายให้ทันตามความต้องการ อีกทั้งยังประเมินว่า จุดที่ดีมานด์และซัพพลายจะเข้าสู่ภาวะสมดุลคือปี 2025

 

ขณะที่ SK HYNIX ให้ข้อมูลว่า มียอดจองชิปล่วงหน้าสำหรับใช้ใน AI เต็มยาวตลอดทั้งปี 2024 แล้ว พร้อมทั้งประเมินว่าภาพดังกล่าวจะยังมีความแข็งแกร่งต่อเนื่องสอดคล้องกับภาพของ AI ที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่องในระยะต่อไปด้วย

 

บิ๊กเทคเร่งซื้อ ‘ชิป’ แข่งพัฒนา AI

 

นอกจากนี้ ยังมีดีมานด์ชิปต้นน้ำจากกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีความต้องการซื้อชิปเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขันประมวลผลเพื่อพัฒนาโมเดลให้มีความฉลาดมากยิ่งขึ้น เช่น Google, Meta, Amazon และ Microsoft

 

โดย Google ที่ประกาศผลประกอบการใน 2Q24 ออกมาแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ออกมาบ่งชี้ชัดเจนว่า Google ยังใช้งบลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ อีกทั้งซีอีโอของ Google ระบุว่า บริษัทมีความจำเป็นต้องลงทุนใน AI อย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่าการ Over Investment ยังดีกว่าการ Under Investment ดังนั้นบริษัทจะยังคงมีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาโมเดลให้ฉลาดยิ่งขึ้น

 

ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณว่ากลุ่มบริษัทเทคเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะยังมีการลงทุนซื้อชิปเพื่อนำมาพัฒนาโมเดล AI เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3-4/24

 

อีกทั้ง Goldman Sachs ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2024 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะมีการเพิ่มงบลงทุนในปีนี้ที่เกี่ยวข้องกับ AI, Cloud, Infrastructure อีกประมาณ 40-50% เมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนว่าจะยังเห็นเม็ดเงินลงทุนที่ต่อเนื่องมาเพื่อซื้อสินค้ากลุ่มชิปต้นน้ำ เพื่อนำมาประมวลผลของ AI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลดีกับหุ้นกลุ่มชิปในกลุ่มต้นน้ำ

 

มองหุ้นกลุ่ม ‘ชิป’ ปรับฐานเป็นภาวะ Healthy Correction

 

สำหรับราคาหุ้นกลุ่มชิปที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ มองว่าเป็นภาวะ Healthy Correction เพราะหากดูจากปัจจัยพื้นฐานที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งโดยธรรมาชาติของหุ้นกลุ่มชิปมักมีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีความผันผวน หลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง ดังนั้นการปรับฐานลงในระดับ 10 % มีโอกาสเกิดขึ้นได้

 

นอกจากนี้ รอบขาขึ้นของหุ้นกลุ่มชิปในรอบนี้เกิดขึ้นกินระยะเวลามาถึงประมาณ 1 ปี ซึ่งระหว่างรอบขาขึ้นดังกล่าวเกิดการพักฐานขึ้นจำนวน 7 ครั้ง ซึ่งอยู่ในช่วงการติดลบประมาณ 8-17%

 

ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง ให้รอจังหวะราคาเริ่มนิ่ง และทยอยซื้อสะสมได้ในกลุ่มชิป

 

โดยปัจจุบัน SCBAM มีกองทุน SCBSEMI ที่มีการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว ซึ่งนักลงทุนหากต้องการลงทุนจะต้องรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากความผันผวนของราคา เพื่อรับโอกาสในการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มนี้ได้ในอนาคต

 

ส่วนนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำกว่า แนะนำให้ลงทุนในกองทุน SCBDIGI หรือ SCBROBOA ที่กระจายสินทรัพย์การลงทุนออกมาเพิ่มเติมนอกเหนือจากกลุ่มชิป ซึ่งจะยังเป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกระแส AI ทั้งผู้ผลิตและผู้พัฒนาหรือนำไปใช้งานด้วย โดยแนะนำสัดส่วนการลงทุนในระดับ 5-10% ของพอร์ต

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising