Hermès มีรายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 อยู่ที่ 3.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสแรกของปี และมีกำไรจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกทั้งหมด 3.1 พันล้านยูโร ซึ่งความสำเร็จนี้ทำให้เหล่านักลงทุนรู้สึกโล่งใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้เหล่าบริษัทลักชัวรีคู่แข่งอย่าง LVMH และ Kering ต่างก็มีผลประกอบการไปในทิศทางที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่เป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สุด
โดยในแต่ละภูมิภาค Hermès ได้เห็นการเติบโตด้านยอดขายทั้งหมด เริ่มด้วยประเทศญี่ปุ่นที่เติบโตมากที่สุดที่ 22% ต่อด้วยทวีปยุโรป (ไม่รวมประเทศฝรั่งเศส) ที่ 18% ส่วนประเทศฝรั่งเศสที่ 15% ตามด้วยโซนอเมริกาที่ 13% และโซนเอเชีย (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) ที่ 10%
โดยสินค้ากลุ่มเครื่องหนังและเครื่องประดับบวกกับของใช้ในบ้านที่ Hermès เรียกว่า ‘The Other Hermès Sectors’ ก็เติบโตมากที่สุดที่ 19% ทั้งคู่ ต่อด้วยสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า Ready-to-Wear และแอ็กเซสซอรีซึ่งเติบโตที่ 15%
Axel Dumas ประธานกรรมการบริหารของ Hermès เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า “ผลงานในครึ่งปีแรกสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกรอบธุรกิจ Hermès ภายใต้สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ท้าทายขึ้น โดยบริษัทยังคงเชื่อมั่นในอนาคตและจะเดินหน้าลงทุนในทุกมิติของแบรนด์และเพิ่มตำแหน่งงานที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์”