วันนี้ (23 กรกฎาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอเกี่ยวกับมาตรการลดราคาพลังงาน ซึ่งเรื่องนี้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้แถลง
จากนั้นพีระพันธุ์กล่าวว่า เรื่องค่าไฟฟ้า ที่ประชุม ครม. มีมติต่อระยะเวลาตรึงราคา 4.18 บาทต่อหน่วยไปอีก 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม) รวมถึงการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วยเช่นเดิม พร้อมยืนยันกระแสข่าวที่ว่าจะขึ้นค่าไฟฟ้านั้นไม่มี
ส่วนการตรึงราคาไฟฟ้าให้อยู่ในราคาดังกล่าวนั้น กระทรวงพลังงานมีวิธีการของตนเอง ยืนยันว่าจะไม่มีผู้ใดเดือดร้อน และไม่ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปแบกรับ ซึ่งจะจ่ายในจำนวนที่ลดน้อยลง และนำไปชำระหนี้ให้ กฟผ. ด้วย โดยการชำระจะจ่ายตามงวดค่าไฟฟ้า เพราะการจ่ายหนี้งวดเดียวจบประชาชนจะเป็นผู้แบกรับหนี้
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีมติตรึงราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร โดยใช้มาตรการจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567
ส่วนผู้ใช้น้ำมันเบนซินก็เดือดร้อน พีระพันธ์ุกล่าวว่า กลไกน้ำมันเป็นเช่นนี้มานานนับ 50 ปี ซึ่งตนก็ไม่พอใจ แต่ขณะนี้กำลังดำเนินการแก้ไข ซึ่งอยู่ระหว่างการร่างเป็นกฎหมาย ขณะนี้ตนได้ร่างกฎหมายต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังส่งให้ฝ่ายกฎหมายของทีมตรวจสอบ และจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องราคาน้ำมันที่ขึ้นอยู่ในทุกวันได้ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่ทันใช้ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เพราะต้องส่งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังจะมีร่างกฎหมาย เพราะที่ผ่านมา 50 ปีไม่เคยมีร่างกฎหมายนี้
เมื่อถามย้ำว่า ระหว่างรอร่างกฎหมายดังกล่าวจะบริหารเรื่องราคาน้ำมันอย่างไร พีระพันธุ์กล่าวว่า ต้องใช้ตามกฎหมายเดิมไปก่อน แต่หากเปลี่ยนแปลงเมื่อไรก็ปรับระบบทั้งหมด พร้อมเชื่อว่าหลังวันที่ 31 ตุลาคมนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังแบกรับไหวอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องไปพูดคุยกับกระทรวงการคลังว่าจะมีวิธีการอย่างไรต่อไป และต้องหารืออีกครั้งว่าจะใช้กลไกลดภาษีสรรพสามิตมาช่วยหรือไม่
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบที่น่าสนใจ เช่น
ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งแรงงานไปประเทศเกาหลี เพื่อรักษากรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกฎหมายการจ้างแรงงานต่างชาติ รวมทั้งเพื่อความโปร่งใสและประสิทธิภาพในกระบวนการจัดส่งคนงานต่างแดนไปยังเกาหลี ตั้งแต่กระบวนการจัดสรรหาแรงงาน ทดสอบภาษา กำหนดค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่าย การตรวจลงตราและการเข้าเมือง รวมถึงการพำนัก
นอกจากนี้ ครม. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อบริหารจัดการกำลังพัฒนาโครงการฝึกอบรมระหว่างประเทศกำลังพัฒนา โดยการฝึกอบรมการบินให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะมีผลกระทบในเชิงบวก สำหรับสายการบินที่จะเข้ามาส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อไป
ขณะเดียวกัน ครม. ยังอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 งบกลางจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง จำนวน 2 อาคาร จำนวน 68 ครอบครัว และอาคารที่จอดรถศูนย์ 8 ชั้น 1 หลัง ยกระดับสวัสดิการเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม โดยยืนยันว่า ไม่ได้ให้แค่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษา
นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้จัดทำเอกสาร National Commitment สำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sport for Sustainable Development Summit: S45D Summit) ในห้วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งเน้นย้ำในเรื่องยุติการยิงระหว่างประเทศอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมถึงตอกย้ำให้กระทรวงการต่างประเทศดูแลพิจารณาเรื่องการส่งตัวประกันที่ยังคงเหลืออยู่