×

สิ่งที่สเปนทำได้แต่อังกฤษไม่ได้ทำ ความแตกต่างสู่แชมป์ยูโร 2024

15.07.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MIN READ
  • สิ่งที่สเปนในยุคของเด ลา ฟวนเต ได้รับการชื่นชมอย่างมากคือ สไตล์การเล่นที่ต้องบอกว่าแปลกและแตกต่างจากสเปนในยุคก่อนหน้านี้
  • สำหรับเด ลา ฟวนเต เขาไม่มีความลังเลใจที่จะให้โอกาสผู้เล่นที่เลือกมาได้ลงสนาม
  • สิ่งที่หลายคนเสียดายทีมชาติอังกฤษชุดนี้มากที่สุด ทุกคนอยากเห็นว่าถ้าทีมชุดนี้ที่เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์มากมายเล่นแบบเต็มศักยภาพจริงๆ จะทำได้ขนาดไหน

จบลงไปอย่างสมบูรณ์แล้วสำหรับฟุตบอลยูโร 2024 กับชัยชนะที่คู่ควรของทีมชาติสเปน ซึ่งเฉือนเอาชนะทีมชาติอังกฤษได้อย่างหวุดหวิด 2-1 ได้ครองแชมป์ยุโรปสมัยที่ 4 สูงที่สุดในทำเนียบ และเป็นแชมป์ใหญ่รายการแรกนับตั้งแต่ที่ได้แชมป์ยูโร 2012 เมื่อ 12 ปีที่แล้ว

 

ในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ มีสิ่งที่น่าสนใจในการทำงานของทีมชาติสเปน ไม่ว่าจะเป็นตัวของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต ในฐานะโค้ชใหญ่, สหพันธ์ฟุตบอลสเปน ไปจนถึงบรรดาผู้เล่นที่ทำหน้าที่ในสนาม


อะไรคือสิ่งที่สเปนทำแต่อังกฤษไม่ได้ทำในนัดชิงชนะเลิศครั้งนี้ และทำให้ทีม ‘กระทิงดุ’ เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะที่ทุกคนเห็นตรงกันว่า ‘คู่ควร’

 

ต้องบอกว่าทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต ไม่ได้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งของรายการยูโร 2024 ด้วยซ้ำไปครับ เพียงแต่พวกเขาพิสูจน์ผลงานให้เห็นตลอดทั้งรายการด้วยการคว้าชัยชนะรวด 7 นัดติดต่อกันตั้งแต่เกมแรกจนถึงเกมสุดท้าย

 

มีเพียงแค่เกมเดียวที่ต้องสู้กันถึงช่วงของการต่อเวลา คือวันที่ส่งเจ้าภาพเยอรมนีตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่มาได้ประตูชัยแบบไม่ให้ใครต้องแก้ตัวจาก มิเกล เมริโน ก่อนหมดช่วงการต่อเวลาพิเศษแค่นาทีเดียว

 

ทีมที่ไม่ได้เป็นตัวเต็ง ไม่ได้มีตัวแบก มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? และต่างจากอังกฤษอย่างไร?

 

 

กลยุทธ์การเล่นที่ชัดเจน

 

สิ่งที่สเปนในยุคของเด ลา ฟวนเต ได้รับการชื่นชมอย่างมากคือ สไตล์การเล่นที่ต้องบอกว่าแปลกและแตกต่างจากสเปนในยุคก่อนหน้านี้พอสมควร

 

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สเปนประสบปัญหาติดอยู่ในวังวนของสไตล์ฟุตบอลแบบ ‘Tiki-Taka’ ที่เน้นการครองเกมเป็นหลัก ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะเป็นสไตล์ที่ทำให้พวกเขากวาดแชมป์ระดับเมเจอร์แบบ ‘แฮตทริก’ ในช่วงปี 2008-2012 กับแชมป์ยูโร 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกอีก 1 สมัย

 

ปัญหาคือ ไม่เพียงแต่คู่แข่งชาติอื่นจะหาทางรับมือได้ดีขึ้น แต่ผู้เล่นที่เป็นหัวใจของระบบการเล่นสไตล์นี้ก็โรยราลงไปมากหลังจบศึกฟุตบอลยูโร 2012 สเปนจึงไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆ อีกเลย

 

ตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่เด ลา ฟวนเต ทำคือ การตัดสินใจรื้อระบบ ล้างสไตล์การเล่นกันใหม่ สเปนยุคของเขาครองบอลเป็นแต่ไม่เน้น สิ่งที่เน้นคือการเฉียบคมในการเข้าทำ ใช้ความเร็วของผู้เล่นที่จัดจ้านทางริมเส้น พูดง่ายๆ คือพูดน้อยต่อยหนัก ไม่ป้อไปป้อมาอย่างเดียวแต่ไม่ทำอะไรเหมือนช่วงก่อน

 

ในขณะที่อังกฤษเป็นทีมที่ขาดความชัดเจน แกเร็ธ เซาท์เกต ประสบปัญหาแบบ ‘ทุกขลาภ’ เพราะมีผู้เล่นที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์มากมายไปหมดและอยากจะใช้งานทุกคน จนทำให้ไป Compromise กับผู้เล่นมากกว่าจะยึดติดกับระบบ

 

จะเห็นได้จาก 3 นัดในรอบแรกอังกฤษมีปัญหาอย่างมาก จนมาเริ่มดีขึ้นเมื่อเซาท์เกตยอมใช้ ค็อบบี ไมนู กองกลางห้องเครื่องดาวรุ่ง ลงมาช่วยทีม และให้ ฟิล โฟเดน มาสร้างสรรค์เกมด้านในแทน จูด เบลลิงแฮม ที่มีอิสระไปตรงไหนก็ได้

 

แต่ถามว่านี่เป็นระบบหรือผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดของอังกฤษตอนนี้ไหม? ยากที่จะตอบ

 

 

โอกาสเป็นของทุกคน

 

จากด้านบน ในขณะที่เซาท์เกตลังเลใจที่จะใช้ผู้เล่นอย่างไมนูหรือแม้แต่ โคล พาลเมอร์ ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา 

 

แต่สำหรับเด ลา ฟวนเต เขาไม่มีความลังเลใจที่จะให้โอกาสผู้เล่นที่เลือกมาได้ลงสนาม

 

เริ่มจาก ลามีน ยามาล ดาวรุ่งที่ออกสตาร์ทรายการด้วยการเป็นนักเตะวัยเพียง 16 ปี ซึ่งเด็กที่สุดในประวัติศาสตร์ การเลือกเด็กอายุขนาดนี้ไม่ได้หมายความว่านักเตะต้องเก่งและมีพรสวรรค์อย่างเดียว แต่โค้ชก็ต้องกล้าที่จะเดิมพันด้วย

 

เด ลา ฟวนเต ยังให้โอกาส นิโก วิลเลียมส์, มาร์ก กูกูเรยา ไปจนถึงนักเตะที่กลายเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับสเปนอย่าง ดานี โอลโม ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองทีเด็ด แต่ต้องลงมาปั้นเกมแทน เปดรี ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บ

 

ตัวสำรองก็เช่นกัน มิเกล เมริโน, มิเกล โอยาร์ซาบาล หรือแม้แต่ มาร์ติน ซูบิเมนดี กองกลางตัวรับที่ต้องลงแทนโรดรี เสาหลักหินที่บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวในช่วงครึ่งหลัง กุนซือชาวสเปนกล้าที่จะให้โอกาสลงสนามทุกคน

 

เพราะเขาเลือกมาแล้ว

 

ขณะที่ม้านั่งสำรองของอังกฤษ นักเตะอย่าง แอนโธนี กอร์ดอน หรือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้แต่นั่งเหงาอยู่ข้างสนาม

 

 

Resilient ล้มลุกบุกต่อ

 

ช่วงหนึ่งของเกมที่โมเมนตัมทำท่าจะพลิกผันคือช่วงนาทีที่ 73 หลังจากที่อังกฤษตามตีเสมอได้จากลูกยิงที่ ‘คลีน’ เหมือนอกไก่ของ โคล พาลเมอร์ 

 

ลูกยิงของเขาทำให้สเปน ‘COLD’ ได้แล้ว เพราะในช่วงเวลานั้นอังกฤษเริ่มที่จะเป็นฝ่ายบุกกดดันได้มากขึ้น หนักขึ้น หลังจากที่พาลเมอร์ถูกส่งลงสนามมาแค่ 3 นาทีเท่านั้น ในขณะที่สเปน การเสียโรดรีที่บาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องให้ซูบิเมนดีลงมาแทน ก็ทำให้เกิดความหวั่นไหวอยู่พอสมควร

 

ในสถานการณ์ตอนนั้นที่สเปนกำลังเสียหลัก อังกฤษควรจะใช้การเปลี่ยนของโมเมนตัมเกมบุกต่อเพื่อชัยชนะ

 

แต่ทีมของเด ลา ฟวนเต ได้พิสูจน์ธาตุทรหดและความเยือกเย็นให้เห็น ด้วยการค่อยๆ ดึงเกมกลับมาเข้าทางของตัวเองอีกครั้ง ค่อยๆ ต่อบอลไปมาจนกลับมาเป็นฝ่ายครองเกม 

 

ส่วนหนึ่งเพราะอังกฤษของเซาท์เกตเป็นทีมที่ ‘ระวังมากเกินไป’ ในการเล่น จนไม่กล้าที่จะเปิดฉากรุกไล่ใส่คู่แข่ง ซึ่งไม่ได้เพิ่งเป็นในเกมนี้ แต่เป็นมาตลอด 

 

แต่ส่วนสำคัญก็ต้องยกเครดิตให้กับสเปนที่ล้มแต่กลับมาลุกใหม่ได้อีกครั้ง

 

 

Step Up รับผิดชอบร่วมกัน

 

ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกม เป็นช่วงสำคัญที่สุดที่ถึงตรงนั้นคำสั่งของโค้ชจากข้างสนามมันแทบจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้น้อยแล้ว เพราะสู้กันมาขนาดนี้นักเตะเหนื่อยและอ่อนล้ากันหมด

 

แต่ลูกทีมของเด ลา ฟวนเต ทำให้เห็นว่า พวกเขาพร้อมที่จะกัดฟันเฮือกสุดท้ายเพื่อพยายามให้ถึงที่สุด

 

อย่างที่บอกครับว่า การเล่นกับอังกฤษนั้นไม่ง่ายเลยทั้งเกม พวกเขาตั้งรับลึกพอสมควร ไม่เปิดพื้นที่ คุณภาพของผู้เล่นก็สูง บางจุดของสนามดูจะสูงกว่าสเปนด้วย แต่สิ่งที่สเปนทำในช่วงท้ายคือ การที่นักเตะแต่ละคน Step Up ตัวเองขึ้นมา

 

ตัวอย่างแรกคือ นิโก วิลเลียมส์ ที่อาจจะไม่ได้โดดเด่นตลอดเวลานัก แต่เมื่อกัปตันทีม อัลวาโร โมราตา ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว (ก่อนเสียประตูตีเสมอนิดเดียว) ปีกจากแอธเลติก บิลเบา ที่คาดว่าจะมียักษ์ใหญ่แย่งตัวกันหลังจบยูโร ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามมากขึ้นที่จะเจาะแผงหลังของอังกฤษ หรืออย่างน้อยสร้างความปั่นป่วนพะวงให้ด้วยการเล่นที่ทั้งแข็งแรงและกล้าหาญ

 

ตัวอย่างต่อมาคือ แบ็กที่มีหน้าที่ในเกมรับและเชื่อมเกมเป็นหลักอย่าง มาร์ก กูกูเรยา พยายามขยับที่จะดันเกมขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเกมรุก

 

อีกคนคือ มิเกล โอยาร์ซาบาล กองหน้าตัวสำรองที่เหมือนจะบอบบาง อ่อนแอ และช้าเกินกว่าจะเล่นงานแนวรับอังกฤษที่ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมอย่างมากทั้ง จอห์น สโตนส์ และ มาร์ก เกฮี 

 

ประตูชัยของสเปนมาจากจังหวะการเล่นสอดประสานที่สวยงาม และเป็นกูกูเรยาที่เติมขึ้นมาตบเข้ากลางให้โอยาร์ซาบาลชิงจังหวะเอาชนะสโตนส์ได้

 

และคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ฟาเบียน รูอิซ กองกลางตัวขับเคลื่อนเกมที่เป็น ‘MVP’ ของผม (และของใครอีกหลายคน) ในรายการนี้ ที่เมื่อไม่มีโรดรีอยู่ก็พยายามมากขึ้น อีกทั้งในการทำหน้าที่เกมรับและการขับเคลื่อนแดนกลาง

 

ในขณะที่นักเตะทีมชาติอังกฤษที่อยู่ในสนามเวลานั้นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงในแบบเดียวกัน

 

และโอกาสที่ดีที่สุดคือลูกโหม่งชุลมุนในกรอบเขตโทษที่ออลโมไม่ยอมให้บอลผ่านเส้นประตู ซึ่งกลายเป็นการเซฟแห่งทัวร์นาเมนต์

 

 

เวอร์ชันที่ดีที่สุด

 

สุดท้ายสำหรับสเปนคือพวกเขาทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด เต็มที่ที่สุดเท่าที่ความสามารถจะทำได้ เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขา

 

มันเริ่มตั้งแต่สหพันธ์ฟุตบอลสเปนที่ให้โอกาสและสนับสนุนเด ลา ฟวนเต ซึ่งความจริงช่วงแรกที่รับงานในปี 2022 ผลงานก็ไม่ดีนัก แต่เพราะเชื่อในระบบและโครงสร้างของฟุตบอลภายในประเทศ ซึ่งโค้ชคนนี้เป็นคนที่พาทีมชาติสเปนชุดเยาวชนคว้าแชมป์ได้ถึง 2 รุ่นมาก่อน (U15 และ U19) รู้จักนักเตะหลายคนในทีมเป็นอย่างดี

 

ขณะที่เด ลา ฟวนเต ใช้เซลล์สมองทุกเซลล์คิด วางแผน และจัดการ ทำให้สเปนเล่นได้ในเวอร์ชันที่ดีที่สุด ซึ่งมันถูกถ่ายทอดลงมาถึงลูกทีมทุกคน

 

ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของแท็กติก แต่เป็นเรื่องของระบบความคิดและจิตใจ (Mentality) ด้วย

 

จุดนี้คือสิ่งที่หลายคนเสียดายทีมชาติอังกฤษชุดนี้มากที่สุด เพราะเต็มไปด้วยผู้เล่นพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่มากมาย จูด เบลลิงแฮม, บูกาโย ซากา, ฟิล โฟเดน, ดีแคลน ไรซ์ ไปจนถึงกัปตันจอมอาภัพ แฮร์รี เคน และตัวสำรองสุดอดทนอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

 

ทุกคนอยากเห็นว่าถ้าทีมชุดนี้เล่นแบบเต็มศักยภาพจริงๆ เล่นฟุตบอลเกมรุกที่มีสไตล์และประสิทธิภาพในเวลาเดียวกันจะทำได้ขนาดไหน

 

ขนาดเล่นกันแบบตู้ๆ ยังถูๆ ไถๆ มาถึงรอบชิงชนะเลิศได้

 

What if…

 

น่าเสียดายที่เราไม่ได้คำตอบในเวลานี้ครับ ส่วนจะได้คำตอบหรือไม่ ในอนาคตยังเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกัน

 

แต่ผู้รู้ในวงการฟุตบอลเชื่อว่าอังกฤษกับเซาท์เกตมาสุดทางรักแล้ว

 

ไปมากกว่านี้ไม่ได้ เจ็บมากกว่านี้ก็ไม่ไหว คำถามอะไรก็ตามทดไว้ในใจไปก่อน

 

ท้ายที่สุดขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลทีมชาติสเปนด้วยครับ สุดยอดและคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์อย่างแท้จริง

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising