วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าการนำตัวอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดจากประเทศเยอรมนีกลับมาดำเนินคดีว่าอยู่ระหว่างการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทางการเยอรมนี ซึ่งทางเราได้ยื่นข้อมูลไปแล้วว่าทำผิดกฎหมายใดบ้าง แต่ทางเจ้าหน้าที่เยอรมนีขอเวลาตรวจสอบ ซึ่งความจริงแล้วต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน แต่เราขอร้องให้ช่วยพิจารณาให้เสร็จภายใน 3 วัน โดยทางเจ้าหน้าที่เยอรมนีก็รับปากว่าจะไปดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม อดีตพระพรหมเมธียังไม่ยอมพบกับ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทย โดยให้ประสานผ่านเจ้าหน้าที่เยอรมนีเท่านั้น
ทั้งนี้ไทยกับเยอรมนีเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แลกเปลี่ยนอะไรกันมาตลอด เพราะเรื่องนี้เป็นคดีทุจริต ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ไม่สามารถยืนยันว่าจะส่งตัวกลับมาได้หรือไม่ เพราะอำนาจการพิจารณาเป็นของทางการเยอรมนี
ส่วนกรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเตรียมจัดกิจกรรมประกาศแนวทางการเคลื่อนไหวในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ บริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นั้น พลเอก ประวิตร ยืนยันว่าการทำกิจกรรมทางการเมืองสามารถรวมตัวกันได้ไม่เกิน 5 คน หากเกินกว่านั้นไม่สามารถทำได้
เช่นเดียวกับกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ประกาศเดินสายพบมวลชนก็ไม่สามารถเดินสายทำกิจกรรมได้เช่นกัน เพราะขณะนี้ยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง ซึ่งการปลดล็อกต้องรอให้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองก่อน โดยคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้
ขณะที่กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น พลเอก ประวิตร ยืนยันว่าไม่มีการปรับ ครม. โดยเรื่องนี้ให้ไปถามนายกฯ ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถูก กกต. ลงมติว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญนั้นต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน