จามาล มูเซียลา และ จูด เบลลิงแฮม อาจเป็นสองสตาร์ที่ถูกจับจ้องมากที่สุดในฟุตบอลยูโรหนนี้ แต่ยังมีอีกหนึ่งคนอย่าง นิโก วิลเลียมส์ ปีกซ้ายจอมลุยของทีมชาติสเปน ที่ทำผลงานได้ร้อนแรงไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
ล่าสุดในเกมกับทีมชาติจอร์เจีย วิลเลียมส์ทำประตูสุดสวยให้กับทีม ‘ลา โรฮา’ ได้ด้วย ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกนับตั้งแต่ยูโร 1980 ที่สามารถทำประตูได้เอง ผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู และผ่านบอลสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ ในเกมที่เขาลงสนาม
สื่อสเปนเคยยกย่องเด็กหนุ่มจากสโมสรแอธเลติก บิลเบา คนนี้ รวมถึง ลามีน ยามาล ปีกรุ่นน้องคู่หูที่ประจำการอยู่คนละฟากของสนาม ว่าเป็น ‘Dos Ferraris’ หรือเฟอร์รารีคู่ แต่บางทีวิลเลียมส์อาจจะเหมาะกับโลโก้รูปกระทิงของ ‘Lamborghini’ มากกว่า
กระทิงหนุ่มผู้พร้อมที่จะขวิดกองหลังทุกทีมให้ร่วงในสนาม
ย่างก้าวแห่งชีวิต
ความจริงแล้วชื่อของ นิโก วิลเลียมส์ ไม่ถึงกับเป็นชื่อใหม่ในวงการฟุตบอล เพราะเด็กหนุ่มผู้เป็นผลผลิตแห่งทีมบิลเบา และถือว่ามีสายเลือดของชาวบาสก์ไหลเวียนในร่างกายนั้น เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุด
ไม่ใช่แค่เฉพาะในแคว้นบาสก์หรือในสเปน แต่หมายถึงทั่วยุโรป
นิโกเป็นน้องชายแท้ๆ ของ อินญากี วิลเลียมส์ ดาวเด่นของทีมบิลเบา ที่ผ่านบททดสอบมากมาย จนสามารถแจ้งเกิดได้ก่อน และเป็นการกรุยทางให้แก่น้องชายได้ก้าวเดินตามมา
เพียงแต่ย่างก้าวของทั้งสองนั้นเทียบไม่ได้กับการเดินทางที่โหดร้ายของพ่อและแม่ ที่เป็นคำตอบของปริศนาว่า ทำไมเด็กเชื้อสายแอฟริกันทั้งสองจึงมาอยู่ในสโมสรฟุตบอลที่เข้มงวดในเรื่องของสายเลือดบริสุทธิ์อย่างแอธเลติก บิลเบาได้
เรื่องราวเริ่มต้นจากชีวิตที่ยากลำบากของเฟลิกซ์และมาเรีย ผู้เป็นพ่อและแม่ของทั้งสอง ที่ตัดสินใจด้วยกันว่าจะขอหนีจากกานา ซึ่งกำลังมีปัญหารุนแรงภายในประเทศเพื่อไปตายเอาดาบหน้า เพราะตอนนั้นมาเรียกำลังต้องท้องลูกคนแรกอยู่ด้วย
การหนีของทั้งคู่คือการเดิมพันด้วยชีวิต โดยต้องพึ่งพาขบวนการค้ามนุษย์ที่จะส่งตัวแรงงานจากกานาเข้าสู่ยุโรป เพียงแต่การเดินทางนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน มีการละเมิดความเป็นคนทุกรูปแบบเท่าที่จะกระทำต่อมนุษย์ด้วยกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย ข่มขืน หรือแม้แต่การฆ่าแล้วทิ้งศพไว้กลางทาง
เฟลิกซ์และมาเรียเองก็เกือบจะไม่รอดเหมือนกัน
ในระหว่างการเดินทาง จู่ๆ รถที่นำพวกเขามาก็จอดและปล่อยทุกคนทิ้งไว้กลางทะเลทรายซาฮารา แทนที่จะพาไปให้ถึงอังกฤษตามที่ตกลงกัน
พวกเขามีทางเลือกแค่ 2 ทาง คือ แห้งตายกลางทะเลทรายหรือเดินต่อเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
ด้วยหัวใจที่ไม่แพ้ เฟลิกซ์และมาเรียตัดสินใจเดินเท้ากลางทะเลทรายที่ร้อนระอุในยามกลางวัน และนอนพักในสภาพอากาศหนาวเหน็บยามค่ำคืน ความโหดร้ายนั้นทำให้เพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนไปไม่ถึงฝัน ต้องตายแบบไม่มีใครรู้ในซาฮารา
แต่สุดท้ายเฟลิกซ์และมาเรียก็เดินเท้ามาถึงเมลินยา เขตปกครองของสเปน ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ก่อนจะขอเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากนักกฎหมายที่แนะนำให้โกหกไปก่อนว่าหลบหนีสงครามมาจากไลบีเรีย ซึ่งจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าหลบหนีจากกานา
ทั้งสองทำตามและได้เป็นผู้ลี้ภัยอยู่ในค่าย ก่อนที่นักกฎหมายใจบุญจะได้ขอความช่วยเหลือจาก หลวงพ่ออินยากี มาร์โดเนส จากโบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่งในเมืองบิลเบา โดยได้นัดพบกันที่สถานีรถไฟในเมือง
หลวงพ่อช่วยจัดหาบ้านพักให้ทั้งสอง ก่อนที่จะช่วยพามาเรียไปโรงพยาบาลเพื่อคลอดลูกในเวลาต่อมา โดยที่เฟลิกซ์และมาเรียซาบซึ้งในความเมตตา จึงขอให้หลวงพ่อช่วยเป็นพ่อบุญธรรมให้แก่ลูกชายที่เกิดมา
พร้อมกับตั้งชื่อลูกชายคนแรกของพวกเขาว่าอินยากี โดยที่หลวงพ่อยังได้มอบของขวัญชิ้นแรกให้แก่หนูน้อยคนนี้
ของขวัญนั้นคือเสื้อทีมแอธเลติก บิลเบา
ก่อนที่อีกหลายปีต่อมา นิโกจะตามพี่ชายของเขามาเป็นสมาชิกของทีมนี้ด้วย
พี่น้องวิลเลียมส์
เรื่องราวการต่อสู้ที่น่าเหลือเชื่อของเฟลิกซ์และมาเรียนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ลูกชายของทั้งคู่ก็เพิ่งได้รู้ไม่นานมานี้ และทำให้พวกเขาเข้าใจแล้วว่า ทำไมพ่อถึงมีความผิดปกติที่เท้า ไม่สามารถเดินเป็นระยะเวลานานๆ ได้
และนั่นทำให้ทั้งอินยากีและนิโกต่างตั้งใจอย่างยิ่งที่จะดูแลพ่อแม่อย่างดีที่สุดไปตลอดชีวิตที่เหลือ
“พ่อกับแม่เสี่ยงชีวิตของพวกเขาเพื่อที่เรา ผมกับพี่ชาย จะได้มีอนาคตที่ดี ซึ่งพวกเขาทำสำเร็จแล้ว และผมจำไม่มีวันลืมกับสิ่งที่พ่อแม่ทำเพื่อพวกเราเลย ทั้งคู่เป็นนักสู้ แต่ก็สอนให้เรารู้จักเคารพคนอื่น ทุ่มเทในการทำงาน เพราะไม่มีใครจะให้อะไรกับเราในชีวิตจริง” นิโกกล่าว
“ความจริงก็คือ ผมภูมิใจที่ได้เป็นลูกของพ่อกับแม่ และผมจะพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้พ่อกับแม่ภูมิใจที่มีผมเป็นลูกชายเหมือนกัน”
ดูเหมือนนิโกจะทำได้แล้ว
เด็กหนุ่มวัย 21 ปีที่กำลังจะอายุครบ 22 ปีในวันที่ 12 กรกฎาคม – 2 วันก่อนถึงเกมรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 – กลายเป็นกำลังขับเคลื่อนที่สำคัญในเกมรุกของทีมชาติสเปน ซึ่งตอนนี้ผ่านด่านจอร์เจียเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฟุตบอลยูโรที่เยอรมนีในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีแจ้งเกิดที่สำคัญสำหรับสายเลือดครอบครัววิลเลียมส์คนนี้ เพราะถือเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการแรกที่เขาได้โอกาสลงสนามในบทบาทตัวหลัก และสามารถวาดลวดลายการเล่นได้อย่างเร้าใจ
นิโกเป็นปีกที่ไม่เพียงแต่จะมีรูปร่างสูงใหญ่ มีความแข็งแกร่ง แต่ยังมีความเร็วและปราดเปรียวเหมือนเสือชีตาห์ ที่มาพร้อมกับทักษะการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงบอล ครองบอล ผ่านบอล ไปจนถึงการยิงประตูที่หนักหน่วงแม่นยำ
4 นัดที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้มีความ ‘พิเศษ’ ในตัว
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกินไปจากความคาดหวัง โดยเฉพาะจากอินยากี พี่ชายที่มองเห็นพรสวรรค์ในตัวของน้องมาตลอด และรู้ว่าสักวันน้องจะเก่งกว่า ก้าวไปได้ไกลกว่า
หน้าที่ในฐานะพี่ชายของเขาคือการดูแลน้องให้ดีที่สุด ตั้งแต่วัยเด็กที่พ่อจำเป็นต้องไปทำงานไกลถึงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ซึ่งเป็นช่วงที่เขาไม่เข้าใจพ่อเอาเสียเลย แต่ก็เต็มใจช่วยแม่ดูแลน้องแทนพ่อ ซึ่งไม่ใช่แค่ปีสองปี แต่นานถึง 10 ปี
จนถึงวันที่นิโกโตพอที่จะเข้าทีมเยาวชนของบิลเบา ก่อนที่ทั้งคู่จะได้เล่นร่วมกันในระดับทีมชุดใหญ่ของสโมสร อินยากีพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว
“สำหรับผมแล้ว พี่คือต้นแบบของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม” นิโกกล่าว “พี่ช่วยดูแลผมแทนพ่อแม่ ช่วยแม่ทำงานเพื่อให้พวกเราได้มีข้าวกินอิ่มท้อง ให้ผมได้ไปโรงเรียน ช่วยแต่งตัวให้ผมแทนแม่
“พี่คอยสอนผม แนะนำผม เขาเป็นพี่ชายของผม แต่เขาก็ทำตัวเหมือนพ่อด้วยในบางที และถึงแบบนี้เราก็ยังเข้ากันได้ดี”
วันเวลาที่บ้านวิลเลียมส์รอคอยมาถึงในวันที่ 28 เมษายน 2021 เมื่อพี่น้องถูกส่งลงสนามด้วยกันในเกมที่บิลเบาพบกับเรอัล บายาโดลิด กลายเป็นคู่พี่น้องแรกที่ลงสนามให้สโมสรนับตั้งแต่คู่สุดท้ายในปี 1986
เพียงแต่ถึงจะเดินตามกันมา แต่ทั้งคู่ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่แตกต่างกันเป็นครั้งแรก
อินยากีขอเลือกเล่นให้กับกานา ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพ่อแม่
ส่วนนิโกขอเลือกเล่นให้กับสเปน ประเทศที่เขาเกิดและเติบโตแทน
จากน้องกลายเป็นพี่
นอกเหนือจากบทบาทของจอมทะลวงด่านทลายเกมรับฝั่งตรงข้ามที่เขาได้รับมอบหมายจากโค้ชใหญ่อย่าง เด ลา ฟวนเต แล้ว อีกหนึ่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่เขาได้มาโดยไม่รู้ตัวคือ การเป็น ‘พี่ใหญ่’ ให้กับ ลามีน ยามาล น้องเล็กสุดมหัศจรรย์ของทีมชาติสเปน
ความสนิทสนมระหว่างนิโกกับลามีนเริ่มต้นขึ้นในแคมป์ทีมชาติสเปนเมื่อเดือนมีนาคม ในเกมอุ่นเครื่องกับโคลอมเบียและบราซิล โดยที่เขาได้รับการมอบหมายให้ช่วยดูแลน้องเล็กของทีม
นิโกตกลงรับหน้าที่นี้เพราะรู้สึกว่าถ้าลามีนจะมีรุ่นพี่สักคนคอยดูแล เขาน่าจะเป็นคนที่ทำได้ดีที่สุด และเรื่องนี้ก็เป็นดังคาด ทั้งสองไม่เพียงแต่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว แต่มันส่งผลไปถึงผลงานการลงสนามในทีมชาติด้วย
ปีกวัย 21 ปีทำในสิ่งที่อินยากีเคยทำให้เขามาก่อนคือ การดูแลน้องอย่างดีที่สุดในทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ อย่างการปลุกลามีนในตอนเช้า
“ผมบอกเขาไปแล้วว่าเขาต้องเรียนรู้จากพ่อของเขา นั่นก็คือผมเอง” นิโกกล่าวหยอกล้ออย่างขบขันให้นักข่าวฟัง
บทบาทและความรับผิดชอบนี้มีส่วนช่วยให้นิโกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้พร้อมที่จะเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่ทีมขาดไม่ได้ไปแล้วในศึกยูโร 2024 ซึ่งแม้จะเล่นได้ไม่ดีนักในเกมกับโครเอเชีย แต่มันกลายเป็นการจุดประกายให้เขาตั้งใจยิ่งขึ้นในเกมต่อมากับอิตาลี
“ผมไม่ได้เล่นด้วยความรู้สึกสนุก” นิโกบอกกับทีมสตาฟฟ์ “ผมจะทุ่มเทพลังทั้งหมดในเกมต่อไป” คำพูดนี้ทำให้สตาฟฟ์ของทีมชาติสเปนรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นและความกระหายของเด็กหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และอยากจะพิสูจน์ตัวเอง
ไม่ว่านิโกจะไปได้ไกลแค่ไหนกับสเปนในยูโรหนนี้ หลังจบรายการนี้เขาจะถึงทางแยกสำคัญที่จะต้องตัดสินอนาคตของตัวเอง
ว่าจะยัง ‘มีความสุข’ อยู่กับบิลเบาเหมือนเดิมตามที่เคยบอกไว้
หรือจะก้าวไปต่อกับสโมสรใหญ่ในยุโรป ที่พร้อมจ่ายเงินค่าปล่อยตัวตามสัญญา 49 ล้านยูโร ที่เขาเพิ่งขยายสัญญาเดิมกับบิลเบาออกไปเมื่อเดือนธันวาคมปีกลาย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นี่คือรถสปอร์ตสุดแรงคันใหม่ของโลกลูกหนัง ที่ทำให้ผู้คนต้องหันมาจับจ้อง
นิโก วิลเลียมส์ จำชื่อนี้ไว้ให้ดีๆ
อ้างอิง: