วันนี้ (23 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สส. มีที่มาจากระบบเขตทั้งหมด 500 ที่นั่ง ตัดระบบบัญชีรายชื่อออกไปทั้งหมดเพื่อสกัดพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลจากเพื่อนฝูงในพรรคเพื่อไทย
พิธากล่าวว่า ก่อนจะตอบต้องบอกว่าตนเองยังไม่ทราบบริบททั้งหมด แต่ในหลักการคือการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องแก้โดยให้ประโยชน์ตกอยู่ที่ประชาชน ไม่ควรแก้เพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่ที่นักการเมือง เป็นหลักที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเน้นว่าการแก้รัฐธรรมนูญคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนในระยะยาว และทำให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุด ไม่ใช่แก้เพื่อให้พรรคหนึ่งได้ประโยชน์กับการแก้รัฐธรรมนูญ
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญไปในทิศทางดังกล่าว เคยเกิดขึ้นจริงในสมัยที่แล้ว คือการแก้ไขสัดส่วน สส. แบบแบ่งเขต จาก 350 คนเป็น 400 คน และปรับสัดส่วน สส. แบบบัญชีรายชื่อ จาก 150 คนเหลือ 100 คน และมีการปรับวิธีการคำนวณ
“ผมไม่ได้กล่าวหาว่าจะทำให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้ประโยชน์ เพราะอย่างไรที่ผ่านมาพรรคของเราก็ชนะอยู่ดีถึงแม้ว่าจะมีการแก้ ดังนั้นถ้าหลังจากนี้จะมีการปรับสัดส่วนจาก 400 คนให้มีมากขึ้นไปอีก ผมมองว่ามีความเป็นไปได้ในสภา” พิธากล่าว
พิธายืนยันว่า หลักสำคัญคือการแก้รัฐธรรมนูญมีความจำเป็น รัฐธรรมนูญปี 2560 คือระเบิดเวลา หากจะแก้ต่อไปต้องเอาประชาชนเป็นตัวหลัก และให้ประชาชนได้ประโยชน์ อย่าให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้ประโยชน์มากกว่ากัน หากกฎหมายสูงสุดของประเทศทำให้การเลือกตั้งหรือการเข้าสู่อำนาจไม่ยุติธรรมและเอนเอียง จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกต่อไป แทนที่จะสามารถแก้ระเบิดเวลาได้ ก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้งใหม่ในที่สุด
“สำหรับพรรคก้าวไกล ไม่กังวลใจอะไรเพราะเอาประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้งมาก่อนความสามารถในการแข่งขันของพรรคเสมอ เราเชื่อในตัวเราว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่ารูปแบบเกมจะเป็นอย่างไร เราก็ชนะในเกมที่เขาออกให้เราแพ้มาโดยตลอด” พิธาทิ้งท้าย