วันนี้ (16 มิถุนายน) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางหายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 3 ลำ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุดจากแนวทางการสืบสวนทราบเส้นทางการเดินเรือว่าได้ลงไปยังภาคใต้แล้ว โดยล่องจากพื้นที่กัมพูชาไปทางประเทศเวียดนามก่อนเข้าสู่พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งผู้บังคับการตำรวจน้ำได้ประสานกับทางการของทุกประเทศ รวมถึงประเทศมาเลเซีย เพื่อติดตาม รวมถึงกดดันให้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีแนวโน้มในทางบวก อย่างไรก็ตาม หากภายในวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายนนี้ ไม่ประสบความสำเร็จ ทางตำรวจก็จะมีความพยายามในขั้นต่อไป
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า การเรียกตัวผู้ต้องหาจำนวน 16 คนในคดีนี้มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน ได้ทำหนังสือส่งไปที่ผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุ แต่อาจจะมีบางรายที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายต่อไป ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบพยานทุกปากในที่เกิดเหตุเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้นยืนยันว่าได้ทำทุกมิติ พยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครจะดำเนินการทั้งหมด เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายถูกกลุ่มอิทธิพลล้วงคองูเห่า เรายอมไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องสู้
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทางวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ว่า ตนเองได้กำชับไปยังผู้บังคับการตำรวจน้ำให้ดำเนินการรายงานความคืบหน้าภายใน 7 วัน เพื่อให้เห็นแนวโน้มข้อสรุป เพื่อเตรียมดำเนินการในเบื้องต้นไว้ก่อน ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ระยะเวลายืดยาวออกไป จะต้องสามารถตอบคำถามสังคมได้ จะพยายามให้จบภายในสัปดาห์หน้า
และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้สั่งการให้ตนเองลงมาควบคุมดูแลและสั่งการเด็ดขาดให้ดำเนินการกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นจะดำเนินการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในข้อกล่าวหาบกพร่องจนทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการอย่างร้ายแรง