บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิด IPO กองทุน Global Climate Change ชูนโยบายเน้นลงทุนหุ้น Solution Provider มองได้รับประโยชน์จากการแก้ปัญหาโลกร้อน
ภูดินันท์ สัจยากร Director ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ปัจจุบันปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และร่วมมือกันในการแก้ปัญหาร่วมกันทั่วทั้งโลก
ขณะที่ภาคของการดำเนินธุรกิจต้องปรับตัวในการให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาโรคร้อน ซึ่งหากบริษัทใดยังไม่ปรับตัวก็จะมีบทลงโทษตามมาด้วย เช่น กรณีที่ในอนาคตประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) หากไม่มีการปรับตัวก็จะถูกผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้หากมีการทำผิดพลาดตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอาจถูกปรับเงินจากภาครัฐ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษจากนักลงทุนทั่วโลกที่จะไม่ใส่เม็ดเงินลงทุนเข้ามาในหุ้น รวมถึงอาจมีการเทขายหุ้นของบริษัทที่ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาโลกร้อนออกมาอีกด้วย
ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่เกิดขึ้นดังกล่าวด้วยในปีนี้ โดย บลจ.ไทยพาณิชย์ ออกเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Climate Change (SCBCLIMATE) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องและได้ประโยชน์จากการแก้ไขปัญหาโลกร้อน โดยกองทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการ IPO ในช่วงวันที่ 11-17 มิถุนายน 2567
ในด้านของมุมมองการลงทุน มีบริษัทประเมินว่ามี 11 ธีมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ Climate Change ในด้านที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Solution Provider จะสามารถสร้างรายได้ต่อในปี 2030 อยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นระดับรายได้ที่สูงมาก
สำหรับจุดเด่นของกองทุน SCBCLIMATE มีธีมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ Climate Change ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน โดยจากความตกลงปารีส ที่ทำร่วมกันประมาณ 195 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมประมาณ 98% ของก๊าซเรือนกระจกของโลก ซึ่งให้ความร่วมมือในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงเป็นโอกาสการเติบโตของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ข้อแตกต่างของกองทุนนี้เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุน Climate Change ที่คล้ายกันคือ รูปแบบความแตกต่างในการคัดเลือกหุ้น เพราะ SCBCLIMATE เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีลักษณะ Core และ Value โดยมีข้อดีคือ ราคาหุ้นจะค่อนข้างมีความผันผวนที่น้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นในกลุ่มที่เป็นหุ้นกลุ่มเติบโตเช่นกลุ่ม Climate Tech หรือ Clean Tech ที่เป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มการเติบโต
สำหรับนโยบายลงทุนหลักของกองทุน SCBCLIMATE สัดส่วนประมาณ 50-60% ของกองทุนจะเน้นลงทุนกลุ่ม Solution Provider ที่มีธุรกิจอยู่แล้ว สามารถสร้างรายได้เข้ามาได้ทันที เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน, กลุ่มพลังงานหมุนเวียน, กลุ่ม Sustainable Transportation เช่น รถยนต์ EV, การกำจัดขยะซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ช่วยให้ปัญหาโลกร้อนปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งบางส่วนของกองทุนที่กำลังหาโอกาสการเติบโต
นอกจากนี้ กองทุน SCBCLIMATE ยังมีนโยบายกระจายความเสี่ยง การลงทุนจะหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งในกลุ่มหุ้นอุตสาหกรรม, ไอที, แมตทีเรียล เป็นกลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เช่น กลุ่มโรงงานหรือกลุ่มอาคารสีเขียว
อีกทั้งมีจุดแตกต่างของกองทุนในแง่ของการลงทุนในหลายประเทศ จะมีการคัดเลือกแบบ Bottom Up จากปัจจัยพื้นฐานมาประกอบการจัดพอร์ตการลงทุน โดยจะให้น้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ เพียง 30% เนื่องจากมุมมองของผู้จัดการกองทุนมองว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวในสหรัฐฯ มีราคาที่ค่อนข้างแพงแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นในตลาดอื่นๆ โดยกองทุน SCBCLIMATE จะมีการลงทุนในหุ้นจำนวนระหว่าง 35-40 ตัว ซึ่งมีการกระจายที่หลากหลายเซ็กเตอร์และหลายประเทศ
สำหรับผลการดำเนินการของกองทุนในช่วงที่ผ่านมา หรือในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้ระดับที่ใกล้เคียงกับหุ้นโลก แม้ว่ากองทุน SCBCLIMATE ไม่ได้มีการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Big Tech โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กองทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10%
ทั้งนี้ มีคำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนในกองทุน SCBCLIMATE โดยสามารถนับเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นโลกได้ ด้วยนโยบายของกองทุนที่มีการลงทุนที่กระจายในหุ้นทั่วโลก และสามารถลงทุนในระยะยาวได้