สภาพภูมิอากาศที่ร้อนและแล้งจัดในแหล่งปลูกส้มสำคัญของบราซิล ส่งผลให้ราคา น้ำส้ม ของตลาดสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ปรับตัวพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลสืบเนื่องจากผลผลิตที่ลดน้อยลง ทำให้ผู้ผลิตมีข้อจำกัดด้านอุปทานอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำส้มเข้าสู่โหมดวิกฤตจนบีบให้ผู้ผลิตบางรายไม่มีทางเลือกนอกจากพิจารณาเลือกใช้ผลไม้อื่นแทน
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า น้ำส้ม เครื่องดื่มยอดนิยมของมื้อเช้า มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตที่ลดลงในฟลอริดา ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำส้มรายใหญ่ในสหรัฐฯ และสภาพอากาศสุดขั้วในพื้นที่ผลิตส้มหลักของบราซิล
ทั้งนี้ อเมริกาใต้ถือเป็นแหล่งเพาะปลูกและผลิตสินค้าสำคัญทางการเกษตร รวมถึงส้ม โดยอเมริกาใต้เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำส้มรายใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่บราซิลจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบอุตสาหกรรมทั่วโลก
รายงานระบุว่า ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำส้มเข้มข้นแช่แข็งบนกระดานเทรด Intercontinental Exchange ในนิวยอร์กเมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม) ปิดที่ 4.77 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นขนาดเกือบสองเท่าของราคาเมื่อปีที่แล้ว
Harry Campbell นักวิเคราะห์ข้อมูลตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของกลุ่มวิจัย Mintec กล่าวว่า ราคาน้ำส้มที่พุ่งสูงขึ้นได้บีบให้ผู้ผลิตและบริษัทที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โดยพิจารณาน้ำผลไม้ทางเลือก โดยเจ้าตัวอธิบายว่าผู้ผลิตหลายรายเริ่มปรับเปลี่ยนปริมาณน้ำที่ใส่ในส่วนผสมเพื่อหยดน้ำส้มและเพิ่มน้ำผลไม้อื่นๆ เช่น น้ำลูกแพร์ น้ำแอปเปิ้ล น้ำองุ่น เพื่อให้ผู้ผลิตพึ่งพาน้ำส้มให้น้อยลงในแต่ละปี
Campbell ยังย้ำอีกว่า ราคาน้ำส้มในขณะนี้หากมีการขยับไปจนถึงจุดที่ผู้บริโภคไม่เต็มใจที่จะจ่ายค่าน้ำส้มแบบพรีเมียมอีกต่อไปจากปัญหาซัพพลายต่ำ ราคาของส้มจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านศูนย์วิจัย Fundecitrus ได้ออกมาเตือนเมื่อไม่นานมานี้ว่า ความร้อนที่มากเกินไปในบราซิลเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ประเทศในอเมริกาใต้แห่งนี้มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับผลผลิตส้มที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ
โดยในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม องค์กรผู้ปลูกส้มคาดการณ์ว่าบราซิลจะผลิตส้มได้ 232.4 ล้านกล่อง (แต่ละกล่องมีน้ำหนักประมาณ 40.8 กิโลกรัม) สำหรับในฤดูกาลปี 2024-2025 ลดลง 24% เมื่อเทียบกับรอบก่อนหน้า
ด้านบรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วบราซิลผลิตส้มประมาณ 300 ล้านกล่องในแต่ละรอบ แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะยิ่งทำให้การผลิตส้มลดลงอย่างมาก รวมถึงสภาพอากาศโดยที่รอบเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทำให้เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงมากขึ้น
Fundecitrus กล่าวต่ออีกว่าคลื่นความร้อนที่รุนแรงต่อเนื่องกันในบราซิลเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตของการออกดอกและการเกิดผล คือช่วงต้นระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งขัดขวางการผลิตอย่างมาก ขณะเดียวกันยังพบโรคส้มที่เรียกว่าโรค Greening ซึ่งเป็นโรคต้นไม้ที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด โดยต้นไม้ที่เป็นโรคนี้ส่งผลให้ผลไม้มีรสขมและแคระแกร็น กลายเป็นปัญหาอีกประการหนึ่งสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกส้ม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งจึงเตือนว่าปัญหาโรค Greening มีแนวโน้มที่จะสร้างหายนะให้กับสวนส้มทั่วโลกในอีกระยะหนึ่ง
Dave Reiter เทรดเดอร์จาก Reiter Capital Investments, LLC บอกกับ CNBC ทางอีเมลว่า ราคาน้ำส้มกำลังสูงขึ้นเนื่องจากปัจจัยสามประการ ได้แก่ ภัยแล้ง โรค และอุปสงค์ ซึ่งการผลิตน้ำส้มของบราซิลส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเซาเปาโลและมินัสเชไรส์ ทั้งสองพื้นที่นี้ประสบปัญหาสภาพอากาศและโรคในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Reiter อธิบายต่อว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำส้มมาตรฐานนั้นเป็นตลาดที่มีการซื้อขายน้อย ซึ่งหมายความว่าสามารถนำไปสู่ ‘ความผันผวนที่สำคัญได้’ เขาประเมินว่าเป้าหมายราคาน้ำส้มถัดไปคือ 5.16 ดอลลาร์ต่อปอนด์
อ้างอิง: