โอกาส ‘หุ่นยนต์’ อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่กำลังเฟื่องฟู ผู้เล่นหน้าใหม่กระโดดเข้าตลาด ฝั่ง ‘LionsBot’ สตาร์ทอัพในสิงคโปร์ไม่รอช้า ลงทุนสร้างโรงงานเร่งผลิตส่งออกไปขายในยุโรปและเอเชีย หวังช่วยแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน
Nikkei Asia รายงานว่า LionsBot International Pte Ltd. บริษัทสตาร์ทอัพผู้ผลิตหุ่นยนต์ในสิงคโปร์ ลงทุน 8.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตหุ่นยนต์ เริ่มตั้งแต่หุ่นยนต์ทำความสะอาด และหุ่นยนต์ที่ใช้ทำงานในคลังสินค้า โดยตั้งเป้าผลิตให้ได้ 4,000 ตัวต่อปี ถือว่าเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว ซึ่งผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์จะช่วยผู้ประกอบการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
Dylan Ng ซีอีโอ LionsBot กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทส่งออกหุ่นยนต์ไปในตลาดเอเชีย ทั้งสิงคโปร์และญี่ปุ่น รวมถึงในสหรัฐอเมริกา โดยปีนี้คาดว่าจะทำรายได้อย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าถ้าเทียบกับปีก่อน และจากนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายใหญ่ของเราคือต้องการจะส่งออกหุ่นยนต์ไปทั่วโลก
เมื่อเจาะลึกมาถึงหุ่นยนต์ทำความทำสะอาดอัตโนมัติจะมีอยู่ด้วยกัน 4 รุ่น แตกต่างกันทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ราคาเริ่มตั้งแต่ 25,000-90,000 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้ในสถานประกอบการทั้งสนามบิน โรงพยาบาล คลังสินค้า และพิพิธภัณฑ์ จุดเด่นของหุ่นยนต์ติดตั้งโปรแกรม AI คือมีระบบเซ็นเซอร์ที่แม่นยำสูง สามารถทำความสะอาดพื้นในพื้นที่แคบๆ ได้ โดยผู้ใช้งานสามารถควบคุมหรือสั่งหุ่นยนต์ได้พร้อมกันหลายตัวผ่านแอปพลิเคชันในมือถือได้
ที่สำคัญบริษัทดังกล่าวได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล ทั้งฮาร์ดแวร์ งานวิจัยนวัตกรรมใหม่ๆ และช่องทางการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าบริษัทสตาร์ทอัพในสิงคโปร์มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมานาน ทั้งการพัฒนาอีคอมเมิร์ซและแอปเรียกรถ แต่เป้าหมายของรัฐบาลคือการส่งเสริมฮาร์ดแวร์ให้ล้ำสมัยมากขึ้น
สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 60 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในโครงการหุ่นยนต์แห่งชาติกว่า 40 โครงการ ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมและการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อให้ทั่วโลกยอมรับ
ยิ่งไปกว่านั้นหุ่นยนต์ที่ผลิตในสิงคโปร์มีความได้เปรียบในด้านความน่าเชื่อถือ หลังหลายๆ ประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น
เรียกได้ว่าเมื่ออุตสาหกรรมมีแนวโน้มโตขึ้น ทำให้มีผู้เล่นกระโดดเข้ามาในตลาดจำนวนมาก รวมไปถึง Eureka Robotics บริษัทสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ ที่มีจุดแข็งอยู่ที่ระบบซอฟต์แวร์หลักและเทคโนโลยี AI ที่สามารถเชื่อมต่อแขนหุ่นยนต์ต่างๆ ให้ทำงานเฉพาะทางได้ แถมยังเริ่มพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถหยิบจับสิ่งของขนาดเล็ก ซึ่งมีเป้าหมายจะส่งออกไปทั่วโลก
เช่นเดียวกับบริษัท Hai Robotics สตาร์ทอัพจากจีน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตหุ่นยนต์ที่ใช้ในคลังสินค้า โดยเป็นหนึ่งในบริษัทอันดับต้นๆ ที่จีนต้องการผลักดันให้ขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรองรับตลาดอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ที่กำลังโตแรง
Nathan Zeng หัวหน้าฝ่ายตลาดระดับภูมิภาค Hai Robotics กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทกำลังศึกษาการขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น 2 เท่าภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์ในจีนแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการแข่งด้านราคา ซึ่งในภาวะที่ต้นทุนสูงแบบนี้ทำให้มีความท้าทายมาก ดังนั้นเราจึงโฟกัสไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น อเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งตลาดมีความต้องการสูง เพราะเจอปัญหาแรงงานขาดแคลน
อ้างอิง: