วันนี้ (7 พฤษภาคม) รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานได้นำเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามอำนาจและหน้าที่ โดยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน เป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่สิ้นสุดลงในเดือนเมษายน 2567 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ สรุปสาระสำคัญดังนี้
- ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ระยะเวลาดำเนินการ 20 เมษายน – 31 กรกฎาคม 2567
- ตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ระดับ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ระยะเวลาดำเนินการ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2567
- ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 19.05 สตางค์ต่อหน่วย แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ระยะเวลาดำเนินการ เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 (4 เดือน)
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานคาดว่า จะใช้งบฯ สำหรับดำเนินทั้ง 3 มาตรการ รวมทั้งสิ้น 8,300 ล้านบาท ประกอบไปด้วย
- ช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซล จำนวน 6,000 ล้านบาท
- ช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ก๊าซ LPG จำนวน 500 ล้านบาท
- มาตรการด้านไฟฟ้า จำนวน 1,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้การดำเนินการมาตรการดังกล่าวพิจารณาใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก่อน ในส่วนที่เหลือค่อยขอรับจัดสรรจากงบประมาณปี 2567 งบกลาง ในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น