ผู้บริโภคคนจีนยังประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่นิยมซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเหมือนอดีต เบนเข็มไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือสอง อาจกระทบยอดขายแบรนด์หรู ไม่เว้นแม้แต่ Louis Vuitton และ Gucci คาดการณ์ยอดขายไตรมาสแรกลดลง
Nikkei Asia รายงานว่า จากสัญญาณและทิศทางเศรษฐกิจในจีนเติบโตช้ากว่าเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคภายในประเทศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และหันมาเลือกซื้อสินค้าราคาถูกมากขึ้น ทำให้ปี 2024 ตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด
หากย้อนไปใน 4-5 ปีที่ผ่านมา รสนิยมของผู้บริโภคชาวจีนนิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนม เพราะต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้น และด้วยความที่ตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ ทำให้แบรนด์หรู เริ่มตั้งแต่ Hermès, CHANEL, Louis Vuitton, Gucci, Prada และ Dior ขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สอดคล้องกับที่ Zhao Weilin นักวิจัยอาวุโสของสถาบันวิจัย Itochu ในญี่ปุ่น กล่าวว่า บริบททางสังคมเปลี่ยนนับตั้งแต่โควิดระบาด บวกกับปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคชนชั้นกลางในจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่วยขับเคลื่อนการบริโภคในประเทศระมัดระวังการใช้จ่าย และไม่นิยมซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเหมือนในอดีต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เศรษฐกิจจีนโตเกินความคาดหมาย ไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 5.3%
- แบรนด์หรูอ่วม! เจอปัญหาคนจีนแห่สั่งสินค้าทางออนไลน์แล้วขอคืนเงิน หลังช้อปกระหน่ำในช่วงเทศกาลลดราคา
- คาดตลาดสินค้าแบรนด์หรูในจีนฟื้นตัว แนะธุรกิจ-นักลงทุนเล็งหาโอกาสโตใหม่
ดังนั้นสินค้ามือสองจึงเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และหากสังเกตจะเห็นว่า สินค้าภายในร้านมือสองมีกระเป๋าแบรนด์เนมจากแบรนด์ดังอย่าง Louis Vuitton และ Burberry ลดราคามากถึง 80%
สร้างอานิสงส์ให้กับตลาดสินค้ามือสองในประเทศจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว และอาจสูงถึง 3 ล้านล้านหยวนในปี 2025 หรือเรียกว่าเติบโตขึ้น 2 เท่าตัว ถ้าเทียบกับปี 2022 โดยส่วนใหญ่แล้วนักช้อปชาวจีนจะซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมือสองผ่านช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน
ขณะที่ฝั่งแบรนด์หรู LVMH บริษัทแม่ของ Louis Vuitton ยอดขายสำหรับเดือนมกราคม-มีนาคม ลดลง 6%
รวมถึง Kering บริษัทแม่ของ Gucci ก็ออกมาคาดการณ์ว่า ในไตรมาสแรกยอดขายในตลาดจีนจะลดลง 20% ทั้งหมดเป็นผลพวงมาจากเศรษฐกิจกำลังประสบภาวะถดถอย แน่นอนว่าเมื่อรายได้ลดลง กำไรก็ต้องลดลงตามไปด้วย เรียกได้ว่าสร้างความท้าทายอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันภาพรวมตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในจีนแผ่นดินใหญ่มีมูลค่า 4.4 แสนล้านหยวน แม้ในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น 12% แต่ตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าปี 2021 ที่ตลาดมีมูลค่าอยู่ 4.5 แสนล้านหยวน
อ้างอิง: